เถ้าแก่คนไหนมีแพลนที่จะเปิดร้านขายของ 20 บาทบ้างคะ? ในการเปิดร้านประเภทนี้ สิ่งที่จะต้องเตรียมเป็นหลักเลยก็คือ ชั้นวางสินค้า คำถามต่อมาคือ ชั้นวางวางขายของ 20 บาท ควรเป็นแบบไหนบ้าง? และควรใช้ประมาณกี่ตัว? รวมถึงราคาของชั้นวาง 1 เซตสำหรับเปิดร้าน จะอยู่ที่ประมาณเท่าไหร่ ผู้เขียนได้รวบรวมมาไว้ให้ทุกคนที่จะเปิดร้านใหม่ ได้ใช้เป็นไอเดียในคอนเทนต์นี้แล้วค่ะ
เลือกเรื่องที่จะอ่านเลย
1. ชั้นวางขายของ 20 บาท ควรมีแบบไหนบ้าง?
เจ้าของกิจการที่เป็นลูกค้าของบิ๊กเบสอุปกรณ์มาร์ท เลือกเปิดร้านกับเรามากมาย หนึ่งในนั้นคือร้านทุกอย่าง 20 บาท ที่จะเน้นขายสินค้าอุปโภค-บริโภค ขายทุกอย่างแบบจิปาถะ และเน้นขายสินค้าที่หลากหลายตามความต้องการของผู้บริโภคในบริเวณใกล้เคียงกับทำเลนั้น ๆ ชั้นวางสินค้าจึงจะเน้นเป็นชั้นแบบแขวนได้ผสมผสานกับชั้นวางแบบแผ่นชั้นค่ะ เรามาดูลิสต์รายการ ชั้นวางขายของ 20 บาท ที่ควรมีกัน 😀
1.1 ชั้นวางสินค้ากลางห้อง
ที่เราเรียกว่าชั้นกลางห้องนั่นเป็นเพราะชั้นวางสินค้าประเภทนี้มีสองหน้า เมื่อวางไว้ตรงกลางห้อง มันจะสามารถทำเป็นช่องทางเดิน ให้ลูกค้าสามารถเดินช้อปปิ้งเลือกซื้อสินค้าได้ทั้งสองฝั่ง ตรงนี้คุณสามารถเลือกได้ว่าจะใช้เป็นแบบแผ่นชั้นหรือแบบแขวนค่ะ
- ชั้นกลางห้องแบบแขวน
ชั้นแบบแขวน คุณจะต้องซื้อเป็นชั้นวาง 1 ชั้น หลังตาข่าย ชั้นวางแบบนี้จะเป็นชั้นเปล่า ไม่มีแผ่นชั้น มีแค่ฐานด้านล่าง เพื่อที่ตรงกลางจะได้มีช่องสำหรับใส่ ฮุกบาร์ หรือตะขอแขวนสินค้า เหมาะอย่างยิ่งที่จะใช้เป็นชั้นวางของร้าน 20 บาท
**ชั้นวาง 1 ชั้น ราคาจะถูกกว่าแบบทั่วไป เริ่มต้นที่ประมาณหนึ่งพันกว่าบาทปลาย ๆ (แต่ต้องซื้อฮุกบาร์เพิ่มนะ)
1.3 ตะขอแขวน (ฮุก)
ฮุก (Hook) หรือตะขอแขวน เป็นอุปกรณ์ที่ใช้แขวนบนชั้นวางสินค้า หากคุณเลือกแบบหลังตาข่ายก็จะใช้ ฮุกแป้นและฮุกหัวเข็มขัด แต่หากชั้นวางสินค้าแบบหลังพันชิ่ง ก็จะต้องใช้ฮุกพันชิ่งค่ะ
1.4 เคาน์เตอร์คิดเงิน
ไอเทมต่อมาที่จำเป็นมาก ๆ ในการเปิดร้านขายของ 20 บาทนั่นก็คือ เคาน์เตอร์คิดเงิน ที่ออกแบบมาเพื่อให้ลูกค้า มีจุดชำระเงินเมื่อมาซื้อของในร้าน ยิ่งถ้าเป็นเคาน์เตอร์ที่สวยงาม ดีไซน์มาให้เหมาะกับร้านค้าประเภทนี้ ยิ่งจะทำให้ร้าน 20 บาทของคุณสมบูรณ์แบบ น่าเดินมาช้อปปิ้งมากยิ่งขึ้นค่ะ
เคาน์เตอร์คิดเงินของบิ๊กเบส ก็มีหลายแบบ หลายขนาดด้วยกันค่ะ ขนาดเริ่มต้น 120 cm ไปจนถึง 200 cm ถ้าต้องการท็อปโฟเมก้าจะต้องเพิ่มราคา +500 บาท และลูกค้าสามารถสั่งผลิตตามความต้องการได้ สามารถติดต่อได้ที่ Line @BIGBESTGROUP หรือเช็กสาขาที่ให้บริการใกล้บ้านคุณได้ที่ ติดต่อบิ๊กเบสอุปกรณ์มาร์ท 11 สาขา
2. เซตชั้นวางขายของ 20 บาทพร้อมราคา
หากคุณยังนึกภาพไม่ออกว่า ร้านขายของ 20 บาทหนึ่งร้าน ถ้าเป็นเซตชั้นวางสินค้า จะเป็นเซตประมาณไหน เราได้นำร้านตัวอย่างของลูกค้าบิ๊กเบสอุปกรณ์มาร์ท (ดูผลงานติดตั้งชั้นวางสินค้าอัพเดตแบบเรียลไทม์ได้ที่ แฟนเพจ : Facebook ชั้นวางสินค้า ชั้นวางของมินิมาร์ท เคาน์เตอร์ ตู้แช่ – BigBest ) มาให้ทุกคนได้ชมกันค่ะ
ซึ่งเป็นตัวอย่างเซตชั้นวางขายของ 20 บาทพร้อมราคา เพื่อเป็นไอเดียสำหรับคนที่ต้องการจะเปิดร้านได้เห็นภาพจริงว่าร้านขนาดเล็ก ขนาดกลาง ขนาดใหญ่ จะประกอบด้วยชั้นวางแบบไหนบ้าง จะมีร้านที่ถูกใจคุณบ้างรึเปล่าน้า.. ไปดูกันเลยค่า
2.1 เซตชั้นวางขายของ 20 บาท ‘ขนาดเล็ก’
ร้านขนาดเล็ก 1 ห้อง (ผลงานติดตั้งจาก บิ๊กเบส ชั้นวางสินค้า นครปฐม) ร้านนี้จะเน้นการผสมผสานระหว่างชั้นแบบแขวนกับชั้นแบบแผ่นชั้นสลับสับเปลี่ยนกันไป ส่งผลให้แม้จะเป็นร้านขนาดเล็ก แต่ก็เป็นร้านที่สามารถวางสินค้าเพื่อขายได้แบบครบครันมากค่ะ
เซตนี้ประกอบไปด้วย
เซตฝั่งซ้าย
- ชั้นวางสินค้าริมผนังหน้าเดียว หลังตาข่าย 5 ชั้น จำนวน 3 ชุด
เซตกลางห้อง
- ชั้นวางสินค้าหน้าเดียว 1 ชั้น 150 cm (สำหรับปิดหัวเชลฟ์) จำนวน 2 ชุด
- ชั้นวางสินค้ากลางห้องสองหน้า หลังตาข่าย 4 ชั้น จำนวน 1 ชุด
- ชั้นวางสินค้ากลางห้องสองหน้า หลังตาข่าย 1 ชั้น (ชั้นสำหรับแขวนฮุก) จำนวน 3 ชุด
เซตด้านหลัง
- ชั้นวางสินค้าริมผนังหน้าเดียว 5 ชั้น จำนวน 1 ชุด
- ชั้นวางสินค้าริมผนังหน้าเดียว 1 ชั้น (ชั้นสำหรับแขวนฮุก) จำนวน 2 ชุด
เซตหน้าห้อง
- ชั้นวางสินค้าริมผนังหน้าเดียว 4 ชั้น จำนวน 2 ชุด
# ราคาประมาณ 27,xxx – 30,xxx บาท
ราคาสำหรับรุ่นน้ำหนัก 30 kg ขนาดความกว้าง 90 cm
**ราคาขึ้น-ลงอยู่กับขนาดและการรับน้ำหนักของชั้นวางสินค้าแต่ละรุ่น
สินค้าที่เกี่ยวข้อง
-
ชั้นวางสินค้า รุ่น Laser Diamond (DD) หลังตาข่าย สองหน้า 5 ชั้น 40kg4,050 ฿ – 4,950 ฿
-
ชั้นวางสินค้า รุ่น ชั้นวางสินค้า Laser Diamond (DD) หลังตาข่าย หน้าเดียว 4 ชั้น 40kg1,900 ฿ – 2,450 ฿
-
ชั้นวางสินค้า รุ่น Laser Diamond (DD) หลังตาข่าย หน้าเดียว 5 ชั้น 40kg2,450 ฿ – 2,950 ฿
2.2 เซตชั้นวางขายของ 20 บาท ‘ขนาดกลาง’
ร้านขนาดกลางที่เป็นห้องแถว 1 คูหา จะมีส่วนประกอบในเซตประมาณนี้เลยค่ะ เป็นเซตร้านที่มีขนาดกำลังดี เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นเปิดร้านในตึกแถว 1 คูหาในราคาที่ไม่สูงมาก เซตนี้นอกจากจะมีชั้นวางสินค้าแล้ว ยังมาพร้อมกับเคาน์เตอร์คิดเงินด้วยนะ ซึ่งคุณสามารถเลือกสีเสาของชั้นวางให้เข้ากับสีของเคาน์เตอร์ได้ เพื่อความสวยงามคุมโทน และทำให้ร้านค้าของคุณน่าเข้าไปช้อปมากขึ้นค่ะ
เซตนี้จะประกอบไปด้วย
เซตฝั่งซ้าย
- ชั้นวางสินค้าริมผนังหน้าเดียว หลังตาข่าย 5 ชั้น จำนวน 4 ชุด
- เคาน์เตอร์คิดเงิน แบบเฉพาะตัวหน้า+ข้างตรง
เซตกลางห้อง
- ชั้นวางสินค้าหน้าเดียว 1 ชั้น (สำหรับปิดหัวเชลฟ์) จำนวน 1 ชุด
- ชั้นวางสินค้ากลางห้องสองหน้า หลังตาข่าย 4 ชั้น จำนวน 2 ชุด
เซตฝั่งขวา
- ชั้นวางสินค้าริมผนังหน้าเดียว 5 ชั้น จำนวน 2 ชุด
- ชั้นวางสินค้าริมผนังหน้าเดียว 1 ชั้น (ชั้นสำหรับแขวนฮุก) จำนวน 2 ชุด
# ราคาประมาณ 38,xxx – 40,xxx บาท
ราคาสำหรับรุ่นน้ำหนัก 30 kg ขนาดความกว้าง 90 cm
**ราคาขึ้น-ลงอยู่กับขนาดและการรับน้ำหนักของชั้นวางสินค้าแต่ละรุ่น
สินค้าที่เกี่ยวข้อง
-
เคาน์เตอร์คิดเงิน แบบโค้ง รุ่น 120 ซม.500 ฿ – 12,200 ฿
-
ชั้นวางสินค้า รุ่น New Diamond (NDD) หลังตาข่าย สองหน้า 4 ชั้น 30kg2,950 ฿ – 3,950 ฿
-
ชั้นวางสินค้า รุ่น Laser Diamond (DD) หลังตาข่าย หน้าเดียว 5 ชั้น 40kg2,450 ฿ – 2,950 ฿
2.3 เซตชั้นวางขายของ 20 บาท ‘ขนาดใหญ่’
ร้านนี้จะเป็นร้านแบบตึกแถว 2 คูหา ขนาดจะใหญ่ขึ้นมาจากแบบตึก 1 คูหาขึ้นมานิดนึง มีการเพิ่มชั้นวางสินค้ากลางห้องหลายชุด เพื่อเติมให้ร้านขายของ 20 บาทดูเต็มมากขึ้น มาในโทนสีส้มทั้งเคาน์เตอร์คิดเงินและเสาของชั้นวาง เข้ากันกับสีเสาของร้านสุด ๆ ^^
เซตนี้จะประกอบไปด้วย
เซตฝั่งซ้าย
- ชั้นวางสินค้าริมผนังหน้าเดียว 1 ชั้น 180 cm (ชั้นสำหรับแขวนฮุก) จำนวน 4 ชุด
เซตกลางห้อง
- ชั้นวางสินค้าหน้าเดียว 1 ชั้น 150 cm (สำหรับปิดหัวเชลฟ์) จำนวน 3 ชุด
- ชั้นวางสินค้ากลางห้องสองหน้า 4 ชั้น จำนวน 10 ชุด
เซตฝั่งขวา
- ชั้นวางสินค้าริมผนังหน้าเดียว 1 ชั้น 180 cm (ชั้นสำหรับแขวนฮุก) จำนวน 2 ชุด
- เคาน์เตอร์คิดเงินแบบโค้ง+Top โฟเมก้า ขนาด 150 cm จำนวน 1 ชุด
ราคาประมาณ 71,xxx – 75,xxx บาท
ราคาสำหรับรุ่นน้ำหนัก 30 kg ขนาดความกว้าง 90 cm
**ราคาขึ้น-ลงอยู่กับขนาดและการรับน้ำหนักของชั้นวางสินค้าแต่ละรุ่น
สินค้าที่เกี่ยวข้อง
-
เคาน์เตอร์คิดเงิน แบบโค้ง รุ่น 150 ซม.500 ฿ – 15,200 ฿
-
ชั้นวางสินค้า รุ่น New Diamond (NDD) หลังตาข่าย สองหน้า 4 ชั้น 30kg2,950 ฿ – 3,950 ฿
-
ชั้นวางสินค้า รุ่น Laser Diamond (DD) หลังตาข่าย สองหน้า 5 ชั้น 40kg4,050 ฿ – 4,950 ฿
ทิ้งท้าย by writer
ทั้งหมดนี้ก็เป็น ชั้นวางขายของ 20 บาท ทั้งแบบชั้นวางเดี่ยว ๆ ที่ควรซื้อ และเซตชั้นวางสินค้าขนาดต่าง ๆ พร้อมราคา ที่เรานำมาฝากเจ้าของกิจการคนใหม่ผู้กำลังจะเปิดร้านขายของ 20 บาทค่ะ 😀 โดยภาพชั้นวางสินค้าทั้งหมด มาจากการติดตั้งของ BIGBEST ชั้นวางสินค้าและอุปกรณ์มาร์ท ที่ไปติดตั้งให้ลูกค้านั่นเอง
💬 สำหรับใครที่อยากปรึกษาเรื่องราคาชั้นวางสินค้า และอยู่จังหวัดใกล้เคียง 11 จังหวัดในสาขาของ ‘BIGBEST อุปกรณ์มาร์ท’ ได้แก่ กาญจนบุรี ชลบุรี นครปฐม นครสวรรค์ บึงกาฬ มหาสารคาม มุกดาหาร ร้อยเอ็ด สกลนคร ศรีสะเกษ และนครพนม สามารถทักหาแอดมินของบิ๊กเบสได้ที่ช่องทางด้านล่างเพื่อสอบถามเพิ่มเติมได้เลย
ช่องทางติดต่ออื่น ๆ
✅ เช็ก 11 สาขาของบิ๊กเบส คลิก > ติดต่อเรา 11 สาขา BIGBEST (บิ๊กเบส)
📫 อัพเดตข้อมูลข่าวสารในเพจ คลิก > Facebook เพจ BIGBESTGROUP
🆔 Line ส่วนกลาง คลิก > https://lin.ee/ArmXtPT
💌 Inbox : m.me/bigbestgroup
# หากเช็กแล้วไม่มีสาขาที่ใกล้เคียงสามารถสอบถามเข้าไปที่แอดมิน PN Steel (เครือ PN บริษัทหลักของเรา) ได้ที่ @PNSTEELPRODUCT หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ชั้นวางสินค้าสั่งผลิตได้ที่ ชั้นวางสินค้า PN ได้นะคะ)
สำหรับบางคนที่เริ่มต้นทำธุรกิจ เปิดร้านขายของชำ, เปิดร้านมินิมาร์ท, เปิดร้านเครื่องสำอาง หรือร้านอื่น ๆ เมื่อดูแนวทางการเปิดร้านมาเรียบร้อยแล้ว อาจจะอยากทราบว่า หากจะลงเซตชั้นวางสินค้าที่ร้าน ราคาจะประมาณเท่าไหร่ เพื่อจะได้คำนวณต้นทุนค่าใช้จ่ายของการเปิดร้านทั้งหมดได้อย่างถูกต้องก่อนที่จะเริ่มต้นเปิดร้านจริง ๆ
เนื้อหาในหน้านี้ ผู้เขียนจึงได้รวบรวม เซตราคาชั้นวางสินค้าของบิ๊กเบสอุปกรณ์มาร์ท มาให้ทุกคนได้เก็บไว้พิจารณากันค่ะ
เลือกราคาชั้นวางสินค้าที่จะดูเลย ☟
ร้านนี้เป็นร้านขายของชำขนาดเล็กขนาดมินิที่เปิดภายในบ้าน ซึ่งก็เป็นเซตเริ่มต้นที่ดีมากในการเปิดร้านค่ะ เน้นใช้สีน้ำเงินคุมโทนร้านทั้งหมด เหมาะกับคนที่งบน้อยหรือคนที่ยังไม่อยากลงทุนเยอะในช่วงแรกค่ะ
เซตนี้ประกอบด้วย
- ชั้นหน้าเดียวริมผนัง 5 ชั้นรวมฐาน ขนาด 40x90x180 cm ชุดต้น 1 ชุด/ชุดต่อ 1 ชุด
- ชั้นหน้าเดียวริมผนัง 4 ชั้นรวมฐาน ขนาด 40x90x150 cm ชุดต้น 1 ชุด
- ชั้นตะกร้า PONY 4 ชั้นหน้าเดียว (รุ่นถอดได้) ขนาด 120 cm 1 ชุด
- เคาน์เตอร์คิดเงิน 1 ชุด
**ชั้นวางเกรด NDD-DD รับน้ำหนัก 30-40 kg/ชั้น**
เซตนี้ ราคาประมาณ 2x,xxx บาท
**ราคาอาจปรับขึ้น-ลง ขึ้นอยู่กับ พื้นที่ของคุณลูกค้า /การรับน้ำหนักของชั้นวางสินค้า /รุ่นของชั้นวางสินค้า**
ร้านนี้เป็นร้านเครื่องสำอางที่เป็นห้องแถวขนาดเล็ก เลือกเซตเริ่มต้นเปิดร้าน ที่มีชั้นวางริมผนัง 1 ชุด, ชั้นวางกลางห้อง 1 ชุด พร้อมด้วยเคาน์เตอร์คิดเงิน ซึ่งเป็นเซตที่ครบแต่ประหยัดงบสุด ๆ เลยก็ว่าได้ค่ะ ใครที่งบน้อยและอยากเริ่มต้นธุรกิจด้วยเซตเล็ก ๆ ก่อนเซตนี้เหมาะมาก ๆ สำหรับคุณค่ะ
เซตนี้ประกอบด้วย
- ชั้นริมผนังหน้าเดียว 5 ชั้นรวมฐาน ขนาด 40x90x180 cm ชุดต้น 1 ชุด/ชุดต่อ 2 ชุด
- ชั้นกลางห้องสองหน้า 4 ชั้นรวมฐาน ขนาด 80x90x150 cm ชุดต้น 1 ชุด/ชุดต่อ 1 ชุด
- ชั้นหน้าเดียวปิดหัว 4 ชั้นรวมฐาน ขนาด 40x90x150 cm 1 ชุด
- เคาน์เตอร์เฉพาะโค้ง ขนาด 120 cm 1 ชุด
**ชั้นวางเกรด NDD-DD รับน้ำหนัก 30-40 kg/ชั้น**
เซตนี้ ราคาประมาณ 2x,xxx บาท
**ราคาอาจปรับขึ้น-ลง ขึ้นอยู่กับพื้นที่ของคุณลูกค้าด้วยค่ะ
ร้านนี้เปิดไว้ที่หน้าบ้านเลย เป็นร้านขายของชำที่เลือกเซตเริ่มต้นเปิดร้านเช่นกัน แต่จะมีราคาเพิ่มขึ้นมาจากเซตต่ำกว่า 30,000 ก่อนหน้านี้ เนื่องจากเป็นชั้นกลางห้องแบบสองหน้า ซึ่งมีราคาที่สูงกว่าชั้นวางสินค้าแบบหน้าเดียวค่ะ และยังมีชั้นวางสินค้าบนเคาน์เตอร์ไว้สำหรับวางของกระจุกกระจิกอีกด้วยน้าาา
เซตนี้ประกอบด้วย
- ชั้นกลางห้องสองหน้า 4 ชั้นรวมฐาน ขนาด 80x90x150 cm ชุดต้น 2 ชุด/ชุดต่อ 4 ชุด
- ชั้นหน้าเดียวปิดหัว 4 ชั้นรวมฐาน ขนาด 40x90x150 cm 2 ชุด
- เคาน์เตอร์เฉพาะโค้ง ขนาด 120 cm 1 ชุด
- ชั้นวางบนเคาน์เตอร์ ขนาด 40x30x40 cm 1 ชุด
**ชั้นวางเกรด NDD-DD รับน้ำหนัก 30-40 kg/ชั้น**
เซตนี้ราคาประมาณ 3x,xxx บาท
**ราคาอาจปรับขึ้น-ลง ขึ้นอยู่กับพื้นที่ของคุณลูกค้าด้วยค่ะ
ร้านนี้เปิดไว้ที่หน้าบ้านเลย เป็นร้านขายของชำที่เลือกเซตเริ่มต้นเปิดร้านเช่นกัน แต่จะมีราคาเพิ่มขึ้นมาจากเซตต่ำกว่า 30,000 ก่อนหน้านี้ เนื่องจากเป็นชั้นกลางห้องแบบสองหน้า ซึ่งมีราคาที่สูงกว่าชั้นวางสินค้าแบบหน้าเดียวค่ะ และยังมีชั้นวางสินค้าบนเคาน์เตอร์ไว้สำหรับวางของกระจุกกระจิกอีกด้วยน้าาา
เซตนี้ประกอบด้วย
- ชั้นกลางห้องสองหน้า 4 ชั้นรวมฐาน ขนาด 80x90x150 cm ชุดต้น 2 ชุด/ชุดต่อ 4 ชุด
- ชั้นหน้าเดียวปิดหัว 4 ชั้นรวมฐาน ขนาด 40x90x150 cm 2 ชุด
- เคาน์เตอร์เฉพาะโค้ง ขนาด 120 cm 1 ชุด
- ชั้นวางบนเคาน์เตอร์ ขนาด 40x30x40 cm 1 ชุด
**ชั้นวางเกรด NDD-DD รับน้ำหนัก 30-40 kg/ชั้น**
เซตนี้ราคาประมาณ 4x,xxx บาท
**ราคาอาจปรับขึ้น-ลง ขึ้นอยู่กับพื้นที่ของคุณลูกค้าด้วยค่ะ
3. เซตชั้นวางสินค้า ราคาเริ่มต้นไม่เกิน 50,000 บาท
ร้านนี้จะเป็นชั้นวางสินค้าสีชมพูที่เน้นไปที่ชั้นริมผนังแบบหน้าเดียวรอบ ๆ ซึ่งก็จะทำให้ร้านดูเต็มมากกว่าชั้นกลางห้องแบบ 2 ตัวในราคาที่พอ ๆ กันค่ะ
เซตนี้ประกอบด้วย
- ชั้นริมผนังหน้าเดียว 5 ชั้นรวมฐาน ขนาด 40x90x180 cm ชุดต้น 4 ชุด/ชุดต่อ 2 ชุด
- ชั้นกลางห้องสองหน้า 4 ชั้นรวมฐาน ขนาด 80x90x150 cm ชุดต้น 1 ชุด/ชุดต่อ 1 ชุด
- ชั้นหน้าเดียวปิดหัว 4 ชั้นรวมฐาน ขนาด 40x90x150 cm 2 ชุด
- เคาน์เตอร์เฉพาะโค้ง ขนาด 120 cm 1 ชุด
**ชั้นวางเกรด NDD-DD รับน้ำหนัก 30-40 kg/ชั้น**
เซตนี้ ราคาประมาณ 4x,xxx บาท
**ราคาอาจปรับขึ้น-ลง ขึ้นอยู่กับพื้นที่ของคุณลูกค้าด้วยค่ะ
3.2) ร้านคุณปุ๋ย พังโคน
ร้านนี้เลือกใช้ชั้นวางกลางห้องแบบสองหน้า และเคาน์เตอร์คิดเงินแบบโค้งพร้อมตู้บุหรี่ และยังมีตู้แช่เบียร์วุ้น สำหรับให้บริการลูกค้าที่ชอบดื่มกันอีกด้วยค่ะ
เซตนี้ประกอบด้วย
- ชั้นกลางห้องสองหน้า 4 ชั้นรวมฐาน ขนาด 80x90x150 cm ชุดต้น 1 ชุด/ชุดต่อ 1 ชุด
- ชั้นหน้าเดียวปิดหัว 4 ชั้นรวมฐาน ขนาด 40x90x150 cm 1 ชุด
- เคาน์เตอร์โค้ง+ตู้บุหรี่ ขนาด 150 cm 1 ชุด
- ตู้แช่เบียร์วุ้น 1 ตู้
เซตนี้ ราคาประมาณ 4x,xxx บาท
**ราคาอาจปรับขึ้น-ลง ขึ้นอยู่กับพื้นที่ของคุณลูกค้าด้วยค่ะ
ร้านนี้เป็นร้านเพ็ทช็อปค่ะ จะเน้นชั้นวางริมผนังทั่วให้กระจายเต็มพื้นที่ และมีชั้นกลางห้อง 1 ชุด และยังมีชั้นเปล่าทางฝั่งขวาที่เอาไว้แขวนสินค้าได้ด้วย
เซตนี้ประกอบด้วย
- ชั้นวางริมผนังหน้าเดียว 1 ชั้นรวมฐาน ขนาด 40x90x180 cm ชุดต้น 1 ชุด/ชุดต่อ 1 ชุด
- ชั้นวางริมผนังหน้าเดียว 2 ชั้นรวมฐาน ขนาด 40x90x180 cm 2 ชุด
- ชั้นวางริมผนังหน้าเดียว 5 ชั้นรวมฐาน ขนาด 40x90x180 cm ชุดต้น 3 ชุด/ชุดต่อ 3 ชุด
- ชั้นหน้าเดียวปิดหัว-ท้าย 4 ชั้นรวมฐาน ขนาด 40x90x150 cm 2 ชุด
- ชั้นกลางห้องสองหน้า 4 ชั้นรวมฐาน ขนาด 80x90x150 cm ชุดต้น 1 ชุด/ชุดต่อ 1 ชุด
- เคาน์เตอร์เฉพาะตัวหน้า+ตัวข้างตรง(TOPโฟเมก้า) ขนาด 120 cm 1 ชุด
**ชั้นวางเกรด NDD-DD รับน้ำหนัก 30-40 kg/ชั้น**
เซตนี้ ราคาประมาณ 4x,xxx บาท
**ราคาอาจปรับขึ้น-ลง ขึ้นอยู่กับพื้นที่ของคุณลูกค้าด้วยค่ะ
« Special’s talk »
*** P.S. เผื่อลูกค้าบางคนสงสัย ว่าทำไมเซตที่ราคาไม่เกิน 50,000 บางร้านถึงมีราคาที่แพงกว่าเซตไม่เกิน 40,000 ทั้ง ๆ ที่ชั้นวางสินค้าก็มีจำนวนชั้นวางที่พอ ๆ กัน
คำตอบคือ : เซตก่อนหน้าที่ราคาไม่เกิน 40,000 ใช้ชั้นวางแบบ 4 ชั้นเป็นหลักส่วนเซตที่ราคาไม่เกิน 50,000 เป็นการใช้ชั้นวางแบบ 5 ชั้นเป็นหลักค่ะ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้า ว่าอยากได้แบบกี่ชั้น หากอยากประหยัดงบก็เลือก 4 ชั้น แต่ถ้าหากอยากวางสินค้าได้เยอะ ๆ พร้อมกับประหยัดพื้นที่ก็เลือกแบบ 5 ชั้นค่ะ
ร้านนี้เป็นร้านที่ใช้เซตชั้นวางสินค้าและเคาน์เตอร์คิดเงินสีน้ำเงิน ซึ่งทำให้ร้านดูสวยแบบสุขุม มีความสงบ และความน่าเชื่อมากขึ้น เลือกชั้นวางสินค้าแบบ 5 ชั้นที่ทำให้วางสินค้าได้มากขึ้นในพื้นที่แคบ
เซตนี้ประกอบด้วย
- เคาน์เตอร์เฉพาะตัวหน้า ขนาด 120 cm 1 ชุด
- ชั้นริมผนังหน้าเดียว 5 ชั้นรวมฐาน ขนาด 40x90x180 cm ชุดต้น 3 ชุด/ชุดต่อ 4 ชุด
- ชั้นกลางห้องสองหน้า 5 ชั้นรวมฐาน ขนาด 80x90x180 cm ชุดต้น 1 ชุด/ชุดต่อ 2 ชุด
- ชุดปิดหัวหน้าเดียว 5 ชั้นรวมฐาน ขนาด 40x90x180 cm 2 ชุด
**ชั้นวางเกรด NDD-DD รับน้ำหนัก 30-40 kg/ชั้น**
เซตนี้ ราคาประมาณ 5x,xxx บาท
**ราคาอาจปรับขึ้น-ลง ขึ้นอยู่กับพื้นที่ของคุณลูกค้าด้วยค่ะ
ร้านนี้เป็นร้านยอดฮิตของลูกค้าบิ๊กเบสเลยก็ว่าได้ค่ะ เพราะลูกค้าทักแชตมาถามในเพจเยอะมาก ๆ ว่าราคาเท่าไหร่ อาจเป็นเพราะสีสวยโดนใจ และเป็นเซตที่กำลังพอดีในการเปิดร้านค่ะ ไปดูราคากันเลยย ☟☟☟
เซตนี้ประกอบด้วย
- ชั้นวางริมผนังหน้าเดียว 5 ชั้นรวมฐาน ขนาด 40x90x180 cm ชุดต้น 2 ชุด/ชุดต่อ 6 ชุด
- ชั้นวางกลางห้องสองหน้า 5 ชั้นรวมฐาน ขนาด 80x90x180 cm ชุดต้น 1 ชุด/ชุดต่อ 1 ชุด
- ชั้นหน้าเดียวปิดหัวขนาด 5 ชั้นรวมฐาน 40x90x180 cm 1 ชุด
- เคาน์เตอร์โค้ง + TOP โฟเมก้า ขนาด 120 cm 1 ชุด
- ชั้นวางบนเคาน์เตอร์ ขนาด 40x30x40 cm 1 ชุด
**ชั้นวางเกรด NDD-DD รับน้ำหนัก 30-40 kg/ชั้น**
เซตนี้ ราคาประมาณ 5x,xxx บาท
**ราคาอาจปรับขึ้น-ลง ขึ้นอยู่กับพื้นที่ของคุณลูกค้าด้วยค่ะ
ร้านนี้จะเป็นชั้นวางสินค้าแบบ 2 แถว ใช้สีเขียวบิ๊กซี แต่ที่แพงกว่าร้านอื่น นั่นเป็นเพราะตู้แช่ 3 ประตู ที่มีราคาสูงนั่นเองค่ะ
เซตนี้ประกอบด้วย
- ชั้นกลางห้องสองหน้า 4 ชั้นรวมฐาน ขนาด 80x90x150 cm ชุดต้น 2 ชุด/ชุดต่อ 2 ชุด
- ชั้นหน้าเดียวปิดหัว 4 ชั้นรวมฐาน ขนาด 40x90x150 cm 2 ชุด
- ตู้แช่ 3 ประตู 1 ตู้
**ชั้นวางเกรด NDD-DD รับน้ำหนัก 30-40 kg/ชั้น**
เซตนี้ ราคาประมาณ 5x,xxx บาท
(ราคาเฉพาะชั้นวางสินค้า = 2x,xxx บาท)
**ราคาอาจปรับขึ้น-ลง ขึ้นอยู่กับพื้นที่ของคุณลูกค้าด้วยค่ะ
ร้านนี้มีขนาด 3×6 เมตร ซึ่งมีขนาดที่เล็กมาก แต่สามารถติดตั้งชั้นวางสินค้าได้ครบเซต ซึ่งจะเน้นไปที่ชั้นวางริมผนัง และเพิ่มชั้นกลางห้องมา 1 ชุด ส่วนตู้แช่ก็นำไปวางที่ด้านหน้าแทน (ร้านนี้ราคาสูงเพราะตู้แช่ค่ะ)
เซตนี้ประกอบด้วย
- ชั้นวางริมผนังหน้าเดียว 4 ชั้นรวมฐาน ขนาด 40x90x180 cm ชุดต้น 3 ชุด/ชุดต่อ 4 ชุด
- ชั้นวางกลางห้องสองหน้า 4 ชั้นรวมฐาน ขนาด 80x90x150 cm ชุดต้น 1 ชุด/ชุดต่อ 1 ชุด
- ชั้นหน้าเดียวปิดหัว-ท้าย 4 ชั้นรวมฐาน ขนาด 40x90x150 cm 2 ชุด
- ชั้น CD สามเหลี่ยม 2 ชุด
- ตู้แช่ 2 ประตู 1 ตู้
**ชั้นวางเกรด NDD-DD รับน้ำหนัก 30-40 kg/ชั้น**
เซตนี้ ราคาประมาณ 5x,xxx บาท (ราคาเฉพาะชั้นวาง 3x,xxx)
**ราคาอาจปรับขึ้น-ลง ขึ้นอยู่กับพื้นที่ของคุณลูกค้าด้วยค่ะ
สำหรับใครที่อยากดูคอนเทนต์แนวนี้เพิ่มเติม ผู้เขียนมีคอนเทนต์ประมาณนี้ที่ทำไว้ในเว็บไซต์ ชั้นวางสินค้า PN Steel ที่เป็นบริษัทหลักของเราไว้ด้วยนะ สามารถคลิกที่ลิงก์ด้านล่างเพื่อเข้าไปดูได้เลยนะคะ
โดยจะมีราคาชั้นวางสินค้า และตัวอย่างการจัดร้านทั้งแบบ 3D และร้านจริง ขนาดพื้นที่เริ่มต้น 4×6 เมตรค่ะ คลิกลิงก์เพื่อดูได้เลยย 👉 8 เซตราคาชั้นวางสินค้า สำหรับเปิดร้านค้า ในพื้นที่ตัวอย่างขนาด 4×6-12×20 ม.
ร้านนี้เปิดเป็นร้านขายของชำ มีชั้นวางสินค้าทั้งหมด 3 แถว พร้อมกับเคาน์เตอร์คิดเงินและชั้นวางขวดน้ำมันสีเขียวที่ตัดกับสีแดงได้เป็นอย่างดี
เซตนี้ประกอบด้วย
- ชั้นริมผนังหน้าเดียว 5 ชั้นรวมฐาน ขนาด 40x90x180 cm ชุดต้น 1 ชุด/ชุดต่อ 3 ชุด
- ชั้นริมผนังหน้าเดียว 4 ชั้นรวมฐาน ขนาด 40x90x150 cm ชุดต้น 1 ชุด/ชุดต่อ 1 ชุด
- ชั้นกลางห้องสองหน้า 4 ชั้นรวมฐาน ขนาด 80x90x150 cm ชุดต้น 2 ชุด/ชุดต่อ 4 ชุด
- ชั้นหน้าเดียวปิดหัว 4 ชั้นรวมฐาน ขนาด 40x90x150 cm 4 ชุด
- เคาน์เตอร์เฉพาะตัวหน้า+ตัวข้างตรง ขนาด 120 cm 1 ชุด
- ชั้นวางขวด ขนาด 44x44x96 cm
**ชั้นวางเกรด NDD-DD รับน้ำหนัก 30-40 kg/ชั้น**
เซตนี้ ราคาประมาณ 6x,xxx บาท
**ราคาอาจปรับขึ้น-ลง ขึ้นอยู่กับพื้นที่ของคุณลูกค้าด้วยค่ะ
เป็นอีกร้านที่ลูกค้าถามเข้ามาเยอะมาก ๆ เพราะร้านนี้เป็นเซตที่มีขนาดร้านกำลังดีสุด ๆ เหมาะกับคนที่อยากเปิดร้านมินิมาร์ทแบบครบเซตค่ะ
เซตนี้ประกอบด้วย
- ชั้นกลางห้องสองหน้า 4 ชั้นรวมฐาน ขนาด 80x90x150 cm ชุดต้น 2 ชุด/ ชุดต่อ 2 ชุด
- ชุดปิดหัว 4 ชั้นรวมฐาน ขนาด 40x90x150 cm 4 ชุด
- ชั้นตะกร้า PONY สองหน้า (รุ่นถอดได้) ขนาด 90 cm 2 ชุด
- ชั้นวางบนเคาน์เตอร์ ขนาด 40x30x40 cm 1 ชุด
- เคาน์เตอร์โค้ง + TOP โฟเมก้า ขนาด 150 cm 1 ชุด
- ตู้แช่ 2 ประตู 1 ตู้
**ชั้นวางเกรด NDD-DD รับน้ำหนัก 30-40 kg/ชั้น**
เซตนี้ ราคาประมาณ 7x,xxx บาท
**ราคาอาจปรับขึ้น-ลง ขึ้นอยู่กับพื้นที่ของคุณลูกค้าด้วยค่ะ
ร้านนี้เลือกชั้นวางสินค้าหลังตาข่าย ทั้งแบบกลางห้องและริมผนัง รวมกันแล้วประมาณ 4 แถว พร้อมทั้งเคาน์เตอร์คิดเงินที่มาในโทนสีเดียวกัน ทำให้มีร้านดูมีความสวยงามมากคุมโทนมากขึ้นค่ะ
เซตนี้ประกอบด้วย
- ชั้นวางริมผนังหน้าเดียว 5 ชั้นรวมฐาน ขนาด 40x90x180 cm ชุดต้น 4 ชุด/ชุดต่อ 5 ชุด
- ชั้นวางกลางห้องสองหน้า 4 ชั้นรวมฐาน ขนาด 80x90x150 cm ชุดต้น 2 ชุด/ชุดต่อ 5 ชุด
- ชั้นหน้าเดียวปิดหัว-ท้าย 4 ชั้นรวมฐาน ขนาด 40x90x150 cm 4 ชุด
- เคาน์เตอร์เฉพาะโค้ง ขนาด 120 cm 1 ชุด
**ชั้นวางเกรด NDD-DD รับน้ำหนัก 30-40 kg/ชั้น**
เซตนี้ ราคาประมาณ 7x,xxx บาท
**ราคาอาจปรับขึ้น-ลง ขึ้นอยู่กับพื้นที่ของคุณลูกค้าด้วยค่ะ
อันนี้เป็นตัวอย่างร้าน 3D ที่ฝ่ายแบบของเราได้ออกแบบเพื่อนำมาเป็นตัวอย่างให้กับลูกค้าค่ะ ซึ่งก็เป็นร้านมินิมาร์ทในทาวน์โฮม 1 คูหาที่มีชั้นวางสินค้าแบบครบเซต ลูกค้าสามารถนำไปเป็นไอเดียตัวอย่างในการเปิดร้านมินิมาร์ทหรือร้านขายของชำได้ค่ะ
เซตนี้ประกอบด้วย
- ชั้นวางริมผนังหน้าเดียว 5 ชั้นรวมฐาน ขนาด 40x90x180 cm ชุดต้น 2 ชุด/ชุดต่อ 6 ชุด
- ชั้นหน้าเดียวปิดหัว 4 ชั้นรวมฐาน ขนาด 40x90x150 cm 2 ชุด
- ชั้นกลางห้องสองหน้า 4 ชั้นรวมฐาน ขนาด 80x90x150 cm ชุดต้น 1 ชุด/ชุดต่อ 2 ชุด
- เคาน์เตอร์ ขนาด 120 cm 1 ชุด
- ตู้แช่ 2 ประตู 1 ตู้
**ชั้นวางเกรด NDD-DD รับน้ำหนัก 30-40 kg/ชั้น**
เซตนี้ ราคาประมาณ 8x,xxx บาท
**ราคาอาจปรับขึ้น-ลง ขึ้นอยู่กับพื้นที่ของคุณลูกค้าด้วยค่ะ
ร้านนี้อาจจะดูไม่ได้แพงขนาดนั้น แต่หากลองสังเกตดี ๆ จะเห็นว่า ร้านนี้ใช้ชั้นวางสินค้าแบบ 5 ชั้นทั้งหมดเลยค่ะ จึงทำให้มีราคาที่แพงกว่าทั้ง ๆ ที่มองเผิน ๆ อาจดูเท่ากับเซตปานกลางทั่วไป แนะนำสำหรับคนที่มีพื้นที่น้อย ๆ แต่ต้องการบรรจุสินค้าเยอะ ๆ การใช้ 5 ชั้นก็ตอบโจทย์สำหรับคุณค่ะ
เซตนี้ประกอบด้วย
- ชั้นวางริมผนังหน้าเดียว 5 ชั้นรวมฐาน ขนาด 40x90x180 cm ชุดต้น 2 ชุด/ชุดต่อ 7 ชุด
- ชั้นวางกลางห้องสองหน้า 5 ชั้นรวมฐาน ขนาด 80x90x180 cm ชุดต้น 2 ชุด/ชุดต่อ 4 ชุด
- ชั้นหน้าเดียวปิดหัว-ท้าย 5 ชั้นรวมฐาน ขนาด 40x90x180 cm 4 ชุด
- เคาน์เตอร์โค้ง 4 ชิ้น + TOP โฟเมก้า ขนาด 150 cm 1 ชุด
**ชั้นวางเกรด NDD-DD รับน้ำหนัก 30-40 kg/ชั้น**
เซตนี้ ราคาประมาณ 8x,xxx บาท
**ราคาอาจปรับขึ้น-ลง ขึ้นอยู่กับพื้นที่ของคุณลูกค้าด้วยค่ะ
เซตนี้ประกอบด้วย
ร้านนี้เป็นอีกร้านที่เป็นเซตชั้นวางสินค้ามินิมาร์ทตัวอย่าง ที่สามารถนำไปใช้เป็นต้นแบบในการเปิดร้าน เพราะมีทั้ง ชั้นวางกลางห้อง 3 ชุด มีตู้แช่ มีเคาน์เตอร์คิดเงิน ซึ่งเหมาะมาก ๆ กับมินิมาร์ทในหอพักหรือใต้คอนโด รวมถึงมินิมาร์ทในหมู่บ้านก็เหมาะค่ะ
- ชั้นกลางห้องแบบสองหน้า 4 ชั้นรวมฐาน ขนาด 80x90x150 cm ชุดต้น 3 ชุด/ ชุดต่อ 6 ชุด
- ชุดปิดหัว 4 ชั้นรวมฐาน ขนาด 40x90x150 cm. 6 ชุด
- เคาน์เตอร์เฉพาะโค้ง + TOP โฟเมก้า ขนาด 120 cm 1 ชุด
- ตู้แช่ 3 ประตู 1 ตู้
**ชั้นวางเกรด NDD-DD รับน้ำหนัก 30-40 kg/ชั้น**
เซตนี้ ราคาประมาณ 9x,xxx บาท
**ราคาอาจปรับขึ้น-ลง ขึ้นอยู่กับพื้นที่ของคุณลูกค้าด้วยค่ะ
ร้านนี้เปิดเป็นร้านสไตล์มินิมาร์ท ซึ่งเป็นร้านจริงจากลูกค้าเราเองค่ะ โดยจะเน้นไปที่ชั้นวางสินค้าทั้งแบบกลางห้องและแบบริมผนังหลายชุดด้วยกัน จึงทำให้มีราคาที่สูงกว่าเซตอื่น ๆ
เซตนี้ประกอบด้วย
- ชั้นวางริมผนังหน้าเดียว 5 ชั้นรวมฐาน ขนาด 40x90x180 cm ชุดต้น 2 ชุด/ชุดต่อ 6 ชุด
- ชั้นวางกลางห้องสองหน้า 4 ชั้นรวมฐาน ขนาด 80x90x150 cm ชุดต้น 3 ชุด/ชุดต่อ 9 ชุด
- ชั้นหน้าเดียวปิดหัวขนาด 4 ชั้นรวมฐาน 40x90x150 cm 4 ชุด
- เคาน์เตอร์เฉพาะโค้ง ขนาด 150 cm 1 ชุด
**ชั้นวางเกรด NDD-DD รับน้ำหนัก 30-40 kg/ชั้น**
เซตนี้ ราคาประมาณ 9x,xxx บาท
**ราคาอาจปรับขึ้น-ลง ขึ้นอยู่กับพื้นที่ของคุณลูกค้าด้วยค่ะ
〈 สรุป 〉
ทั้งหมดนี้ก็เป็น เซตราคาชั้นวางสินค้า สำหรับเปิดร้านของ BIGBEST อุปกรณ์มาร์ท (ราคาเริ่มต้น 2x,xxx บาท ไปจนถึง 8x,xxx บาท) ที่ผู้เขียนได้รวบรวมมาไว้ให้ทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราได้พิจารณากันค่ะ เป็นยังไงกันบ้างคะ มีเซตไหนที่โดนใจบ้างมั้ยเอ่ย 🙂
ลูกค้าสามารถดูราคาชั้นวางสินค้าทั้งหมดทุกรุ่น คลิกได้ที่ด้านล่างเลยค่ะ
ปล. สินค้าของบิ๊กเบสไม่ได้มีแค่ในหน้าเว็บนะคะ ยังมีอีกเยอะมากกก ลูกค้าสามารถสอบถามเข้ามาก่อนได้ค่ะ
💬 สำหรับใครที่อยากปรึกษาเรื่องราคาชั้นวางสินค้า และอยู่จังหวัดใกล้เคียง 11 จังหวัดในสาขาของ ‘BIGBEST อุปกรณ์มาร์ท’ ได้แก่ กาญจนบุรี ชลบุรี นครปฐม นครสวรรค์ บึงกาฬ มหาสารคาม มุกดาหาร ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ และนครพนม สามารถทักหาแอดมินของบิ๊กเบสได้ที่ช่องทางด้านล่างเพื่อสอบถามเพิ่มเติมได้เลย
คลิก Line@BigBestGroup / FB : ชั้นวางสินค้า ชั้นวางของมินิมาร์ท เคาน์เตอร์ ตู้แช่ – BigBest
ชั้นวางสินค้าจากบิ๊กเบส เป็นสินค้าที่ผลิตจากโรงงานของไทยโดยตรง ซื้อชั้นวางสินค้าจากบิ๊กเบส มีบริการหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน ซื้อไปแล้วยังสามารถปรึกษาเรื่องร้านค้ากับตัวแทนสาขาผู้เชี่ยวชาญของเราได้ตลอดค่ะ การันตีจากลูกค้าที่ซื้อซ้ำ
สอบถามเพิ่มเติมคลิกด้านล่างเลย!
💬 ส่วนใครที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง 11 จังหวัด ก็สามารถเข้าไปดูข้อมูลเว็บไซต์และติดต่อสอบถามเพิ่มเติมกับแอดมินสำนักงานใหญ่ ‘บริษัท PN Steel’ เพื่อสอบถามดีลเลอร์ที่ใกล้เคียงกับจังหวัดของคุณได้นะคะ
# หรือถ้าหากคุณยังไม่ทราบว่า PN Steel กับ BIGBEST คือใคร สามารถเข้าไปทำความรู้จักกับเราได้ คลิกที่ : เครือบริษัท PN ได้เลยค่ะ
☟ คลิกปุ่มด้านล่างเพื่อดูเว็บไซต์/ติดต่อ ☟
♦ ทริคเล็กๆ น้อยๆ แนะนำลูกค้าหากจะสั่งซื้อชั้นวางสินค้าจากบิ๊กเบส
หากลูกค้าอยากได้ราคาที่แน่ชัด ลูกค้าบอกแอดมินในเพจไปเลยค่ะ ว่ามีงบเท่าไหร่ อยากได้ราคาประมาณไหน แอดมินเขาก็จะมีตัวอย่างร้านราคาประมาณนี้ให้ดู (เพราะราคาของแต่ละร้านไม่เท่ากัน ด้วยความที่สเปกของชั้นวางสินค้าไม่เหมือนกัน บางรุ่นมี 5 ชั้น, บางรุ่นมี 4 ชั้น, บางรุ่นมีสองหน้า, บางรุ่นมีหน้าเดียว, และยังมีข้อแตกต่างของชั้นวางสินค้าอีกมากมายที่ทำให้ราคามันแตกต่างกัน)
นอกจากนี้ยังมีเรื่องการรับน้ำหนักอีกด้วย ที่ทำให้ราคามันเพิ่ม-ลดตามความต้องการของลูกค้า เพราะชั้นวางสินค้าของบิ๊กเบสมีการรับน้ำหนักได้ตั้งแต่ 30kg, 40kg, 60kg และ 80kg ซึ่งก็อยู่ที่ลูกค้าว่าต้องการแบบรับน้ำหนักอยู่ที่เท่าไหร่นั่นเองค่ะ (แต่ส่วนใหญ่ แอดมินที่ตอบแชตในเพจ/ในไลน์ จะแนะนำเป็นรุ่น 30 kg ค่ะ เพราะกำลังดี ไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป )
ตัวอย่างรุ่นของชั้นวางสินค้าที่ต่างกันออกไป (30kg, 40kg, 60kg, 80kg)
-
ชั้นวางสินค้า รุ่น Laser 2004 (B+) หลังตาข่าย หน้าเดียว 4 ชั้น3,350 ฿ – 4,500 ฿
-
ชั้นวางสินค้าราคาถูก รุ่น New Diamond (NDD) หลังตาข่าย หน้าเดียว 4 ชั้น 30kg1,750 ฿ – 2,350 ฿
-
ชั้นวางสินค้า รุ่น ชั้นวางสินค้า Laser Diamond (DD) หลังตาข่าย หน้าเดียว 4 ชั้น 40kg1,900 ฿ – 2,450 ฿
-
ชั้นวางสินค้า รุ่น Platinum Plus (P+) หน้าเดียว หลังตาข่าย 4 ชั้น 60kg2,250 ฿ – 3,050 ฿
ผู้เขียนจึงขอแนะนำว่า : ให้ลูกค้าตั้งงบประมาณ ราคาชั้นวางสินค้า ที่ลูกค้าต้องการจะเปิดร้าน และให้ทางแอดมินหรือตัวแทนสาขาคำนวณให้เลยค่ะว่าจะได้ประมาณไหน (ราคาที่ผู้เขียนได้นำมาเป็นตัวอย่างให้ลูกค้าที่เข้ามาดูในเว็บไซต์ของเรา ผู้เขียนก็นำมาจากราคาที่แอดมินในเพจตอบ เพื่อให้ทุกคนได้พิจารณาคร่าว ๆ ดูเพื่อประกอบการตัดสินใจค่ะ)
หรืออีกทางเลือกหนึ่งคือ ลูกค้านำภาพตัวอย่างร้านค้า+ราคาที่ผู้เขียนลงไว้ ไปเสนอกับทางสาขาได้เลยค่ะว่าอยากได้ราคาหรือแบบร้านประมาณนี้ เพื่อความง่ายยิ่งขึ้นในการเปิดร้านค่ะ
1. ‘ชั้นวางสินค้า’ สีสวย ๆ
สิ่งแรกที่ควรมีในการเปิดร้านขายของชำเลย นั่นก็คือ ชั้นวางสินค้า เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้อย่างเด็ดขาดเลยค่ะ เพราะอย่างที่เรารู้กันว่าการที่สินค้าในร้านจะเรียงตัวสวยได้ จะต้องมีชั้นวางสินค้า
ยิ่งถ้าเป็นชั้นวางที่สวยงามเหมาะสมกับร้านค้าของเรา ยิ่งจะทำให้สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้ร้าน และยังสามารถดึงดูดลูกค้าได้ด้วยนะคะซึ่งชั้นวางสินค้าของ BIGBEST ก็มีแบบสวย ๆ และมีสีให้เลือกมากมาย มีทั้งแบบสำเร็จรูปและแบบสั่งผลิต
ตัวอย่างชั้นวางสินค้าในร้านขายของชำจากบิ๊กเบส
ตัวอย่างชั้นวางสินค้า BIGBEST
-
ชั้นวางสินค้า รุ่น Laser Diamond (DD) หลังตาข่าย สองหน้า 5 ชั้น 40kg4,050 ฿ – 4,950 ฿
-
ชั้นวางสินค้า รุ่น ชั้นวางสินค้า Laser Diamond (DD) หลังตาข่าย หน้าเดียว 4 ชั้น 40kg1,900 ฿ – 2,450 ฿
-
ชั้นวางสินค้า รุ่น Laser Diamond (DD) หลังตาข่าย หน้าเดียว 5 ชั้น 40kg2,450 ฿ – 2,950 ฿
2. ‘ชั้นตะกร้า’ ใส่ห่อขนม
สำหรับสินค้าที่เป็นแบบห่อขนม เมื่อนำไปวางบนชั้นวางสินค้าแบบแรกก็อาจจะไม่สวยและอาจจะหล่นลงมาได้ง่าย ๆ ด้วยรูปทรงของมัน การมี ชั้นตะกร้า ไว้ในร้าน เพื่อเอาไว้วางสินค้าที่เป็นห่อขนม ก็เป็นอีกทางเลือกที่ดีเลยค่ะ เพราะถ้าเป็นชั้นแบบนี้ ถุงขนมจะไม่หล่นง่าย เพราะมีตะกร้ารองรับอยู่ ลูกค้าหยิบได้อย่างสะดวกมาก ๆ
ตัวอย่างชั้นตะกร้าของ BIGBEST
-
ชั้นตะกร้า 3 ชั้น (รุ่นไจแอนท์)2,300 ฿
-
ชั้นตะกร้า Robust ขนาด 70 cm1,250 ฿ – 2,000 ฿
-
ชั้นตะกร้า รุ่น Pony ขนาด 120 หน้าเดียว (รุ่นถอดได้)1,400 ฿ – 2,250 ฿
3. ‘ตู้แช่เย็น’ เพิ่มความคูล
นอกจากสินค้าทั่ว ๆ ไป ที่เป็นของกินของใช้แล้ว สิ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญมาก ๆ อีกอย่างหนึ่งเลยก็คือ ‘เครื่องดื่ม” นั่นเองค่ะ เพราะฉะนั้นอุปกรณ์เปิดร้านขายของชำที่คุณต้องมีนั่นก็คือ ตู้แช่
สำหรับบิ๊กเบส ถ้าคุณเปิดซื้อเซตชั้นวางสินค้าเพื่อเปิดร้าน เราก็มีตู้แช่ 3 แบบไว้ให้คุณเลือกสรร ได้แก่
3.2) ตู้แช่แข็ง
ตู้แช่แข็งแบบนี้ เป็นตู้แช่ที่ปรับอุณหภูมิติดลบได้มากถึง 22 องศา สามารถแช่น้ำแข็งได้ น้ำแข็งเป็นสิ่งที่ขายได้กำไรเยอะอยู่น้าา ยิ่งขายให้นักดื่มเบียร์ที่ชอบสังสรรค์ยิ่งเพิ่มกำไรได้เป็นกอบเก็บกำ นอกจากนี้ ยังสามารถเอาไว้แช่อาหารทะเล, ของสด หรือเนื้อสัตว์แช่แข็งได้ด้วยค่ะ
3.3) ตู้แช่เบียร์วุ้น
พอพูดถึงเบียร์ในหัวข้อเมื่อกี้แล้ว ตู้แช่เบียร์วุ้นก็ต้องมาแล้วล่ะค่ะ แต่ละชุมชนแน่นอนว่าก็ต้องมีนักดื่มที่ชอบสังสรรค์ชอบดื่มเบียร์กันอยู่แล้ว ถ้ามีตู้แช่เบียร์วุ้นในร้านของคุณ รับรองว่าขายดีกว่าเดิมแน่นอนค่ะ ใครที่เปิดร้านขายของชำแล้วมีงบถึงก็จัดเลยจ้า! หรือลูกค้าจะซื้อ 3 แบบก็ได้นะ เอาให้จุใจไปเลยยย
ตัวอย่างตู้แช่ของ BIGBEST
4. ‘ชั้นตะกร้ากลมหมุน’ ใส่ของจิปาถะ
ชั้นตะกร้าทรงกลมที่สามารถหมุนได้รอบตัว 360 องศา เพิ่มลูกเล่นให้กับร้านขายของชำให้ดูไม่น่าเบื่อ ชั้นแบบนี้เหมาะสำหรับใส่สินค้าได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นถุงขนม, ซองบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป, ถุงผงซักฟอก, ถุงน้ำยาปรับผ้านุ่ม, ของเล่นเด็ก, สินค้าที่เป็นผลผลิตของคนในชุมชน รวมถึงสินค้าลดราคา/สินค้าโปรโมชั่นก็ได้นะ
5. เพิ่มกำไรด้วย ‘ชั้นวางขวดน้ำมัน’
ร้านขายของชำร้านนึง สามารถขายได้หลายอย่างมาก แล้วแต่ว่าใครจะนำอะไรมาประยุกต์ขาย “น้ำมันรถแบ่งขาย” ก็เป็นทางเลือกที่ดีอย่างมากในการนำมาเพิ่มรายได้ในร้าน ปกติลูกค้าก็อาจจะไปเติมน้ำมันในปั๊มก็จริง แต่สำหรับบางชุมชน พื้นที่อาจมีความห่างไกลกับปั๊ม มันจึงเป็นโอกาสที่ดีในการเพิ่ม ชั้นวางขวดน้ำมัน เข้าไปลิสต์อุปกรณ์ร้านขายของชำของคุณค่ะ
6. ยกระดับร้านด้วย ‘เคาน์เตอร์คิดเงิน’
ปกติเราจะเห็นร้านขายของชำแถวบ้านทั่วไปใช้ตู้โชว์แบบใส แทนเคาน์เตอร์คิดเงิน ซึ่งนั่นก็แล้วแต่ว่าผู้ใช้งานจะสะดวกแบบไหนค่ะ แต่เรามีตัวเลือกอีกแบบนึงให้กับคุณ นั่นก็คือ “เคาน์เตอร์คิดเงิน” เคาน์เตอร์คิดเงินที่สวยงามและโดดเด่น จะส่งผลให้ร้านขายของชำของคุณดูพรีเมียมมีระดับไปอีกขั้น
ถ้าลูกค้ามองเห็นเคาน์เตอร์สวย ๆ ก็อาจจะเพิ่มความอยากควักเงินซื้อของมากขึ้นก็ได้นะคะ 🙂 ซึ่งเคาน์เตอร์คิดเงินที่เป็นของ ชั้นวางสินค้า BIGBEST คุณก็สามารถเลือกสีที่เข้ากับชั้นวางสินค้าได้ อยากได้สีไหนก็บอกเราได้เลยค่ะ (แต่สินค้าที่มีในสต็อกบางครั้งในแต่ละสาขามีโอทกาสที่จะมีสีไม่ครบ และอาจจะเป็นสีที่ไม่ตรงใจลูกค้า หากลูกค้าต้องการสั่งผลิต อาจต้องใช้เวลาในการรอสินค้าประมาณ 30-45 วันนะคะ)
ตัวอย่างร้านขายของชำที่ใช้เคาน์เตอร์คิดเงินจากบิ๊กเบส
7. ‘ชั้นวางสินค้าบนเคาน์เตอร์’ เพิ่มยอดขาย
ปกติเราจะเห็นร้านขายของชำแถวบ้านทั่วไปใช้ตู้โชว์แบบใส แทนเคาน์เตอร์คิดเงิน ซึ่งนั่นก็แล้วแต่ว่าผู้ใช้งานจะสะดวกแบบไหนค่ะ เมื่อมีเคาน์เตอร์คิดเงินแล้ว ก็ควรมีชั้นวางสินค้าบนเคาน์เตอร์เล็ก ๆ สำหรับวางสินค้าชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่อาจจะช่วยเพิ่มยอมขายได้ ตามข้อมูลที่ผู้เขียนได้หามาและเขียนไว้ในเว็บไซต์ PN Storetailer ที่นำเสนอเรื่อง “6 ทริค กระตุ้นลูกค้าให้ซื้อของที่เคาน์เตอร์คิดเงินแบบ more and more!” ได้บอกไว้ว่า บริเวณเคาน์เตอร์คิดเงินสามารถกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อของเพิ่มได้เยอะมาก
ซึ่ง ชั้นวางสินค้าบนเคาน์เตอร์ คุณสามารถนำไปวางสินค้าที่หยิบง่าย, สินค้าราคาถูกที่ไม่ต้องใช้การตัดสินใจเยอะ หรือสินค้าโปรโมชั่น เพื่อเพิ่มยอดขายได้ เช่น ลูกอม, หมากฝรั่ง, ยาสามัญประจำบ้าน เป็นต้น
ตัวอย่างร้านขายของชำที่ใช้ชั้นวางสินค้าบนเคาน์เตอร์
สินค้าแนะนำ
8. เพิ่มมุมพักให้ลูกค้าด้วย ‘ชุดโต๊ะเหล็ก’
ซึ่ง BIGBEST ก็มี ชุดโต๊ะเหล็ก ไว้ให้เป็นทางเลือกสำหรับลูกค้าของเราเมื่อเปิดร้านขายของชำ อาจจะทำไว้เป็นมุมพักผ่อน, มุมสำหรับให้เด็ก ๆ ที่มารอพ่อแม่ซื้อของไว้นั่ง ซึ่งข้อดีของโต๊ะเหล็กแบบนี้คือมันมีน้ำหนักที่ไม่มากเท่ากับโต๊ะม้าหิน ทำให้การเคลื่อนย้ายสะดวกมากขึ้น หากมีการเปลี่ยนมุม เปลี่ยนตำแหน่งการจัดร้าน คุณก็สามารถยกเพื่อเคลื่อนย้ายเองได้ค่ะ
9. สินค้าเรียงสวยด้วย ‘ชั้นวางสินค้าแบบขั้นบันได’
ชั้นวางสินค้าแบบขั้นบันได เป็นอีกไอเทมหนึ่งที่บิ๊กเบสภูมิใจนำเสนอ ลูกค้าของเราส่วนใหญ่ มักจะซื้อชั้นวางรุ่นนี้ติดร้านไปด้วย เพราะชั้นแบบนี้ สามารถวางสินค้าโชว์ขายเรียงขึ้นไปได้อย่างสวยงาม
เช็กราคา > ชั้นวางสินค้าแบบขั้นบันได
10. สารพัดประโยชน์ด้วย ‘ชั้นแบบมีล้อ’
ปกติชั้นวางสินค้าทั่วไปจะเป็นชั้นที่ตั้งอยู่กับที่ ซึ่งทำให้เคลื่อนย้ายไม่สะดวกเท่าไหร่นัก แต่ชั้นวางสินค้าบางรุ่นของบิ๊กเบส จะเป็นชั้นวางแบบมีล้อไว้ตอบโจทย์ความต้องการของร้านค้าที่ต้องการเคลื่อนที่ชั้นวางไปไหนมาไหนได้ง่าย ๆ ดูตัวอย่างชั้นวางสินค้ามีล้อได้ที่ด้านล่างเลย
วิดีโออุปกรณ์เปิดร้านขายของชำ
⌈ สรุป ⌋
เป็นไงกันบ้างคะ กับ 10 อุปกรณ์เปิดร้านขายของชํา จากสินค้าของ BIGBEST ที่ผู้เขียนทำมาเสนอ มีตัวไหนโดนใจเถ้าแก่ที่กำลังจะเปิดร้านรึเปล่าน้าาา? 🙂 ใครที่กำลังลังเลอยู่ว่าจะซื้อชั้นวางสินค้ากับเราดีหรือไม่ เราจะยกตัวอย่างข้อดีของการซื้อชั้นวางสินค้าจากบิ๊กเบสมาให้ทราบกันบางส่วนค่ะ
- เราเป็นโรงงานผลิตชั้นวางสินค้าโดยตรง
- เรามี 10 สาขาพร้อมให้บริการทั่วประเทศ
- ซื้อชั้นวางสินค้าจากเรา เรามีบริการหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน
- สินค้ามีครบทุกอย่างในอุปกรณ์มาร์ท อยากได้แบบไหนเราจัดให้ หากไม่ตรงใจ ก็สามารถสั่งผลิตตามใจคุณได้ เพราะเรามีทีมงานออกแบบให้อย่างเชี่ยวชาญและติดตั้งให้ฟรีหากเปิดร้านกับเรา
💬 สำหรับใครที่อยากปรึกษา และอยู่จังหวัดใกล้เคียง 10 จังหวัดในสาขาของ ‘BIGBEST อุปกรณ์มาร์ท’ ได้แก่ กาญจนบุรี ชลบุรี นครปฐม นครสวรรค์ บึงกาฬ มหาสารคาม มุกดาหาร ร้อยเอ็ด สกลนคร และศรีสะเกษ สามารถทักหาแอดมินของบิ๊กเบสได้ที่ช่องทางด้านล่างเพื่อสอบถามเพิ่มเติมได้เลย
💬 ส่วนใครที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง 10 จังหวัด ก็สามารถเข้าไปดูข้อมูลเว็บไซต์และติดต่อสอบถามเพิ่มเติมกับแอดมินสำนักงานใหญ่ ‘บริษัท PN Steel’ เพื่อสอบถามดีลเลอร์ที่ใกล้เคียงกับจังหวัดของคุณได้นะคะ
# หรือถ้าหากคุณยังไม่ทราบว่า PN Steel กับ BIGBEST คือใคร สามารถเข้าไปทำความรู้จักกับเราได้ คลิกที่ : เครือบริษัท PN ได้เลยค่ะ
☟ คลิกปุ่มด้านล่างเพื่อดูเว็บไซต์/ติดต่อ ☟
สำหรับใครที่กำลังคิดจะทำธุรกิจเล็ก ๆ ที่บ้าน ตัวเลือกแรก ๆ ที่หลายคนคิดก็คือ “ร้านขายของชำ” เพราะร้านค้าแบบนี้มีกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ถ้าใครเปิดในหมู่บ้านของตัวเอง โอกาสที่จะหารายได้เสริมก็มีเพิ่มมากขึ้น
บางคนก็อาจจะอยากเปิดให้พ่อแม่ที่แก่เฒ่าไว้ดูแลเมื่อเกษียร ก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีหรือถ้ายังไม่เปิดร้านในเร็ว ๆ นี้ ก็สามารถเซฟรูปเก็บไว้เป็นแรงบันดาลใจ เป็นความฝันที่สักวันหนึ่งเราต้องเปิดร้านแบบนี้ให้ได้ก็ได้นะ ✌
BIGBEST จึงได้รวบรวม “แบบร้านขายของชำ” จากลูกค้าของเราทั่วทุกสารทิศกว่า 50 แบบ เพื่อนำมาเป็นตัวอย่างให้คนที่คิดจะเปิดร้านได้ใช้เป็นไอเดียในการเปิดร้านขายของชำของตัวเองค่ะ ตามมาดูกันเลย
แต่สำหรับใครที่อยากดู แบบร้านค้า แบบร้านขายของประเภทอื่นเพิ่มเติม สามารถคลิกเข้าไปดูไอเดียได้ที่ 👉 แบบร้านค้า สวยๆ 15 ประเภท ไอเดียเริ่มต้นทำร้านสำหรับเจ้าของกิจการ ที่ผู้เขียนได้ทำคอนเทนต์ไว้ในเว็บไซต์ PN Steel ได้นะคะ
1. แบบร้านขายของชำ 3D
เราจะนำเสนอแบบร้านขายของชำที่เป็นภาพวาด 3D กันก่อนนะคะ ขอบอกก่อนว่าเป็นภาพจากฝ่ายแบบของ BIGBEST ที่ใช้โปรแกรมวาดแบบออกเลย ซึ่งสามารถวาดออกมาได้เห็นภาพมาก ๆ
👇 อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม
2. แบบร้านขายของชำ ร้านค้าจริง
ในส่วนนี้เป็นแบบร้านขายของชำจากร้านค้าจริง ซึ่งเป็นผลงานติดตั้งชั้นวางสินค้าของ BigBest ทั้งหมด โดยร้านของเราจะมีสาขาอยู่หลายจังหวัดทั่วประเทศด้วยกัน ซึ่งคุณสามารถนำไปเป็นตัวอย่างในการเปิดร้านขายของชำได้เลย เพราะเรามีผลงานการจัดส่งติดตั้งเยอะมาก ดูได้แบบจุใจเลยนะ
โดยจะมีร้านทั้งขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ ซึ่งร้านขนาดเล็ก ส่วนใหญ่จะเป็นตึกคูหาชั้นเดียวหรือบริเวณหน้าบ้านที่แบ่งพื้นที่มาเปิดร้าน ขนาดกลางจะเป็นตึกแถว 2 คูหา และขนาดใหญ่จะมีพื้นที่กว้าง 3-4 คูหา หรือจะเป็นร้านมินิมาร์ท มีโกดังสต็อกสินค้าด้วย
✔สรุป
ทั้งหมดนี้ก็เป็นแบบร้านขายของชำจาก BIGBEST ที่เรานำมาให้ทุกคนได้ชมกัน มีใครได้ไอเดียทำร้านไปบ้างหรือยังคะ? ส่วนใครที่กำลังเก็บไว้เป็นความฝันที่จะทำธุรกิจในอนาคตก็สามารถแชร์เก็บไว้หรือเซฟรูปไว้ตามใจชอบได้เลยนะคะ “เราขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจ ให้ฝันของคุณประสบความสำเร็จนะ” ซึ่งการเปิดร้านส่วนใหญ่แล้วการเปิดร้านขายของชำก็จะประกอบไปด้วย
- พื้นที่ในการเปิด
- ชั้นวางสินค้า
- เคาน์เตอร์คิดเงิน
- ตู้แช่
- ชั้นตะกร้า
💬 สำหรับใครที่อยากปรึกษาเรื่องการเปิดร้าน และอยู่จังหวัดใกล้เคียง 11 จังหวัดในสาขาของ ‘BIGBEST อุปกรณ์มาร์ท’ ได้แก่ กาญจนบุรี ชลบุรี นครปฐม นครสวรรค์ บึงกาฬ มหาสารคาม มุกดาหาร ร้อยเอ็ด สกลนคร ศรีสะเกษ และนครพนม สามารถทักหาแอดมินของบิ๊กเบสได้ที่ช่องทางด้านล่างเพื่อสอบถามเพิ่มเติมได้เลย
💬 ส่วนใครที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง 11 จังหวัด ก็สามารถเข้าไปดูข้อมูลเว็บไซต์และติดต่อสอบถามเพิ่มเติมกับแอดมินสำนักงานใหญ่ ‘บริษัท PN Steel’ เพื่อสอบถามดีลเลอร์ที่ใกล้เคียงกับจังหวัดของคุณได้นะคะ
# หรือถ้าหากคุณยังไม่ทราบว่า PN Steel กับ BIGBEST คือใคร สามารถเข้าไปทำความรู้จักกับเราได้ คลิกที่ : เครือบริษัท PN ได้เลยค่ะ
☟ คลิกปุ่มด้านล่างเพื่อดูเว็บไซต์/ติดต่อ ☟
เมื่อพูดถึงร้านค้าปลีก ไม่ว่าจะเป็น ร้านขายของชำ, ร้านมินิมาร์ท, หรือร้านซูเปอร์มาร์เก็ต สิ่งที่ทุกร้านจำเป็นจะต้องมี นั่นก็คือ “ชั้นวางสินค้า” นั่นเป็นเพราะผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ จะโดดเด่นและน่าซื้อได้ ก็ขึ้นอยู่กับการจัดการพื้นที่ชั้นวางสินค้า
บทความนี้ เราก็เลยจะมาแนะนำเคล็ดลับการจัดวางสินค้าให้โดดเด่นสะดุดตาและเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดให้กับชั้นวางสินค้า อยากรู้แล้วใช่ไหมล่ะคะ ตามมาอ่านกันเลยค่ะ! 🙂
เลือกเรื่องที่จะอ่านเลย ☟
1. ใช้แถบคลิปแขวนสินค้า (Clip Strips)
ทุกคนน่าจะเคยเห็นแถบคลิปนี้ตามซุปเปอร์มาร์เก็ตและร้านมินิมาร์ทชั้นนำทั่วไปนะคะ เพราะมันเป็นที่นิยมและถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลาย การจัดวางสินค้าให้โดดเด่นสะดุดตา สามารถทำได้โดยการใช้ Clip Strips นี้ เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการขายของบนชั้นวางสินค้าและทำให้สินค้าชิ้นเล็ก ๆ เช่น ซองขนม, ลูกอม, ยาดม และสินค้าอื่น ๆ ที่อาจจะเคยเป็นสินค้าที่ถูกจัดเรียงให้อยู่เพียงแค่บนชั้นวางเท่านั้น แต่เมื่อมันได้ถูกนำมาแขวนอยู่ด้านหน้าหรือด้านข้างของเชลฟ์ จะทำให้ตัวสินค้าโดดเด่น ถูกมองเห็น และถูกหยิบจับได้ง่ายมากยิ่งขึ้นค่ะ
ประโยชน์ของแถบคลิปแขวนสินค้า
- ใช้เป็นพื้นที่โชว์เพิ่มเติมสำหรับสินค้าขายดีหรือสินค้ามาใหม่ – สินค้าตัวไหนขายดี คุณก็ทำให้มันโดดเด่นออกมาได้ด้วยการติดไว้กับแถบคลิปนี้บนชั้นวางสินค้า ตัวอย่างเช่น ขนมซองบางอย่าง เป็นสินค้ามาใหม่ก็สามารถนำมาติดในแถบคลิปนี้ได้ เพื่อเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าซื้อไปลองได้ง่ายขึ้น
- เพิ่มโอกาสในการขายสินค้าอย่างต่อเนื่อง – คุณสามารถใช้หลักการ Cross selling หรือการขายสินค้าหลาย ๆ ประเภทที่ผู้บริโภคจะต้องใช้ร่วมกันในแถบคลิปนี้ได้ ตัวอย่างเช่น ถ้าบนชั้นวางสินค้ามีแชมพูขวดเล็ก ๆ ตั้งเรียงรายอยู่ คุณก็สามารถนำ Clip Strips ที่มีครีมนวดผมประเภทซองมาติดไว้ข้าง ๆ กันได้
- เพิ่มยอดขาย – คุณสามารถใช้แถบคลิปนี้ ติดบนชั้นวางทั่วร้านค้าของคุณเพื่อนำไปสู่ยอดขายและกำไรที่มากขึ้น เมื่อนำมาติดตรงนี้ มันทำให้มองเห็นได้ง่าย สะดุดตา จึงทำให้เกิดการซื้อเพิ่มขึ้น มียอดขายที่มากขึ้น รวมถึงกำไรตามมาค่ะ
- เพิ่มความสวยงาม – เมื่อคุณติดแถบคลิปนี้ ชั้นวางสินค้าของคุณจะดูมีความสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น ดูมีจุดนำสายตา และทำให้โดยรวมร้านค้าของคุณน่าสนใจ
2. ใช้ชั้นตะกร้า (Basket Shelf)
สำหรับร้านค้าปลีกที่ต้องการจัดวางสินค้าให้โดดเด่นสะดุดตาและเพิ่มพื้นที่ชั้นวางสินค้าให้สามารถวางของได้มากที่สุด การใช้ชั้นตะกร้าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ควรพิจารณาค่ะ เพราะชั้นตะกร้าเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผลิตภัณฑ์ขนาดเล็กที่คุณสามารถวางทับกันได้ หรือเป็นสินค้าที่มีราคาขายเท่ากัน แล้วจัดให้มันมาอยู่รวมกัน
ประโยชน์ของการใช้ชั้นตะกร้า
- รองรับกับสินค้าบางประเภท
สินค้าบางประเภทอาจไม่ได้ถูกออกแบบมาสำหรับวางบนชั้นวางสินค้าแบบธรรมดา ชั้นตะกร้าจึงถูกออกแบบมาเพื่อรองรับสินค้าเหล่านั้น นอกจากนี้ยังช่วยลดโอกาสที่สินค้าจะหล่นจากชั้นวางอีกด้วยนะ
ตัวอย่างสินค้าเช่น
- ท่อ PVC
- อุปกรณ์ช่าง
- ผงชูรส, น้ำตาล, ถุงขนม
- ถุงน้ำยาปรับผ้านุ่ม
- ถุงน้ำยาล้างจาน
- ประหยัดพื้นที่บนชั้นวางสินค้า
ชั้นตะกร้าไม่ได้มีแค่แบบเดียว แต่ยังมี ชั้นตะกร้าแบบซ้อน ที่สามารถนำไปวางซ้อนกันบนชั้นวางสินค้าแบบทั่วไปได้ เพราะเมื่อคุณใช้ชั้นวางตะกร้าแบบซ้อนแล้ว คุณจะสามารถเพิ่มจำนวนสินค้าในแกน Y ได้ นั่นเป็นเพราะผลิตภัณฑ์วางอยู่บนชั้นตระกร้าที่ซ้อนกันขึ้นไปจนอยู่ในจุดที่สูงที่สุด มันจึงช่วยให้คุณวางสินค้าได้เยอะมาก ๆ และเพิ่มพื้นที่ได้อีกมากทีเดียว นอกจากนี้คุณยังจัดสรรพื้นที่ให้กับสินค้าขายดีของคุณได้มากขึ้น เนื่องจากคุณมีพื้นที่บนแผ่นชั้นวางสินค้ามากขึ้นนั่นเอง
หรือจะเป็นชั้นตะกร้าแบ่งกั้นที่นำตะกร้าขนมมาใส่แทนแผ่นชั้นของเชลฟ์รุ่นมาตรฐานก็ทำได้เช่นกัน
Tips : สำหรับน้ำยาปรับผ้านุ่ม หรือน้ำยาล้างจาน ที่เป็นแบบถุง ปัจจุบันนี้ก็มี ตะแกรงสำหรับวางน้ำยาปรับผ้านุ่ม ไว้ให้คุณเลือกใช้ด้วย ยังไงก็เลือกใช้ชั้นวาง ที่เหมาะสมกับสินค้าของคุณให้มากที่สุดนะคะ
ทุกคนสามารถเข้าไปดูบทความ 👉 9 รุ่น ชั้นตะกร้า ประหยัดพื้นที่ จัดเก็บสินค้าเป็นระเบียบ เพื่อเช็กว่าชั้นตะกร้าของบิ๊กเบสมีแบบไหนบ้าง เพื่อเลือกมาใช้ให้เหมาะกับร้านค้าของคุณได้ค่ะ
3. ใช้แผ่นพันชิ่ง (Pegboard)
การจัดเชลสินค้าอีกแบบหนึ่งที่ช่วยให้สินค้าโดดเด่นสะดุดตา นั่นก็คือ ใช้แผ่นพันชิ่งหรือแผ่นเพ็กบอร์ด (Pegboard) ซึ่งมันก็คือ แผ่นไม้, แผ่นเหล็ก หรือกระดาษอัดที่เจาะรูเล็ก ๆ ทั่วทั้งแผ่น ใช้สำหรับเพิ่มฮุกแขวนสินค้า หรือสิ่งของต่าง ๆ หรือบางคนอาจจะเคยเห็นเป็นแผ่นที่เอาไว้แขวนอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เอาไว้โชว์สินค้าตามห้างฯ ส่วนใหญ่มักใช้กับสินค้าที่วางไว้เฉย ๆ แล้วไม่สวย หรือโชว์สินค้าออกมาได้ไม่ดีเท่าที่ควร รวมถึงสินค้าที่ไม่สามารถจับตั้งกับชั้นวางหรือยืดตัวตรงได้ ต้องใช้การแขวนถึงจะออกมาดูดี
ตัวอย่างสินค้าที่จำเป็นต้องใช้แผ่นพันชิ่งหรือ Pegboard
- เครื่องมือฮาร์ดแวร์ เช่น สว่าน, ประแจ, กรรไกร, คัตเตอร์
- เครื่องครัว เช่น ตะหลิว, ทัพพี, กระทะ, หม้อ
- อุปกรณ์กีฬา เช่น ไม้แบดมินตัน, ไม้เทนนิส, กระเป๋ากีฬา, รองเท้า
- อุปกรณ์สำนักงาน เช่น กระดาษโน้ต, สติ๊กเกอร์, ของประดับตกแต่ง
Tips : สำหรับชั้นวางสินค้าบิ๊กเบสของเราจะมีชั้นวางสินค้าแบบหลังพันชิ่งด้วย หากลูกค้ามีสินค้าที่ต้องแขวน พนักงานขายของเราก็จะแนะนำให้ใช้ชั้นวางสินค้าพันชิ่ง จากนั้นนำแผ่นชั้นออก แล้วเพิ่มฮุกพันชิ่งเข้าไปแทน และนอกจากชั้นวางสินค้าหลังพันชิ่งแล้ว คุณก็สามารถใช้ชั้นวางสินค้าหลังตาข่ายเพิ่มฮุกเข้าไปเพื่อทดแทนได้เช่นเดียวกัน เพราะมันมีคุณสมบัติเป็นรูสำหรับแขวนสินค้าได้เหมือนกันค่ะ
ประโยชน์ของแผ่นพันชิ่งหรือเพ็กบอร์ด
- ทำให้สต็อกสินค้าบนชั้นไม่ดูแน่นเกินไป การใช้แผ่นพันชิ่ง จะทำให้แบ่งพื้นที่บนชั้นวางไปได้ส่วนนึง เพื่อนำมาแขวนสินค้า นั่นหมายถึงชั้นวางจะถูกแบ่งสัดส่วน จะดูไม่รก ไม่แน่นเกินไปด้วยนะ
- สุนทรียภาพทางสายตา – Pegboard ช่วยให้ชั้นวางสินค้ามีความเป็นระเบียบ และดึงดูดสายตา นอกจากนี้ลูกค้าของคุณ จะสามารถมองหาผลิตภัณฑ์ที่พวกเขาต้องการได้ง่ายขึ้น
- ช่วยให้จัดการพื้นที่ชั้นวางได้ดีขึ้น – ชั้นวางสินค้าหลังพันชิ่งหรือเพ็กบอร์ดไม่เหมือนกับชั้นวางสินค้าทั่วไป เนื่องจากในบริเวณที่คุณแขวนฮุกพันชิ่ง จะมีพื้นที่ว่างมากขึ้นในการขายสินค้าบนแผ่นชั้น คุณจึงสามารถเพิ่มประสิทธิภาพพื้นที่บริเวณนั้นมากขึ้น และจัดสรรสินค้าขายดีแขวนไว้บนเพ็กบอร์ดได้ด้วยนะ
- การขายแบบ Cross Selling – เช่นเดียวกับแถบคลิปเลยค่ะ คุณสามารถใช้ Pegboard กับผลิตภัณฑ์ Cross Selling ที่เหมาะสมที่จะนำมาขายร่วมกันได้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มยอดขายของสินค้าในหมวดหมู่ต่าง ๆ แทนที่จะเป็นรายการเดียวนั่นเอง
✔ สรุป
จากวิธีทั้งหมดที่เราได้กล่าวมา มันก็คือการนำ อุปกรณ์เสริมชั้นวางสินค้า มาใช้ในแบบที่แตกต่างกัน เพื่อให้มีความเหมาะสมกับสินค้านั้น ๆ ที่คุณนำมาวางขายมากที่สุด ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดก็คือ ชั้นวางของคุณ จะได้โชว์สินค้าอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้นั่นเองค่ะ ยังไงก็ลองนำเทคนิคเหล่านี้ ไปลองปรับใช้ตัวช่วยในการจัดวางสินค้าให้โดดเด่นสะดุดตากันดูนะคะ
แหล่งข้อมูลจาก : dotactiv
การจัดเรียงผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ บนชั้นวางสินค้า อาจเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก เพราะมีแบรนด์มากมายที่เพิ่มความท้าทายให้คุณว่าจะทำยังไงให้สินค้านั้น ๆ โดดเด่นแบบ Out Standing ออกมา
แม้ว่าร้านค้าปลีกของคุณ จะมีขนาดพื้นที่เล็ก ๆ หรือไม่ได้มีแผนผังร้านค้าที่สมบูรณ์แบบ แต่สิ่งหนึ่งที่คุณจะทำได้ก็คือ
“การจัดเรียงสินค้าเพื่อเพิ่มยอดขาย ทำให้สินค้าบนชั้นวางสามารถสร้างมูลค่า และทำกำไรได้มากขึ้น”
แล้วจะทำยังไงล่ะ? ถึงจะจัดการส่วนต่าง ๆ บนชั้นวาง ให้สินค้าขายดี ทำกำไรได้ ตามมาอ่านบทความนี้กันเลย
การจัดเรียงสินค้าเพื่อเพิ่มยอดขาย สำคัญอย่างไร?
ชั้นวางสินค้า เป็นจุดที่ถูกกำหนดให้เป็นบริเวณที่การตัดสินใจซื้อเกิดขึ้นกับผู้บริโภค มันจึงกลายเป็นจุดสำคัญ ที่เจ้าของร้านค้าปลีกทุกคนจะต้องปรับปรุง และใช้เทคนิคต่าง ๆ เพื่อให้สินค้าขายออกไปได้มากที่สุด
“การจัดเรียงสินค้าเพื่อเพิ่มยอดขายในแต่ละส่วน จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญในการเพิ่มยอดขาย”
เพราะมันสร้างผลกระทบ ในเรื่องของ
- ความน่าสนใจ
- ความน่าซื้อ
- ความสะดวกในการหยิบ
- ความเป็นระเบียบของสินค้า
ถ้าคุณสามารถจัดการสินค้าบนชั้นวางในแต่ละจุดได้เป็นอย่างดี และปรับปรุงให้ทุกจุดมีประสิทธิภาพอยู่เสมอล่ะก็.. ลูกค้าของคุณ จะได้รับประสบการณ์ที่ดีในการช้อป ส่วนคุณเอง ก็จะสร้างความประทับใจให้ลูกค้าได้ แถมสร้างยอดขายได้มากขึ้นอีก ถือว่าต่างฝ่าย ต่างก็ได้ประโยชน์แบบ Win-Win ทั้งคู่ จริงไหมคะ? 🙂
1. แนวทางการเลือกชั้นวางสินค้าที่เหมาะสม
หากมีชั้นวางที่เหมาะสมกับสินค้า ไม่ว่าคุณจะจัดเรียงสินค้าประเภทไหนเพื่อเพิ่มยอดยอดยอดขาย มันก็จะทำได้อย่างง่ายดายมากยิ่งขึ้น
1.1) รูปทรงและการออกแบบ ต้องสวยงามมีมาตรฐาน
ชั้นวางสินค้าที่ดีควรจะต้องมีรูปทรงและการออกแบบที่ได้มาตรฐาน มีสีสันที่สวยงาม เข้ากับธีมของร้าน หรือเข้ากับสินค้าที่คุณจะนำเสนอ
รูปทรงการออกแบบชั้นวางที่สวยงาม
1.2) เพิ่มประสิทธิภาพพื้นที่
ไม่ว่าพื้นที่ร้านค้าจะเล็กหรือกว้าง ชั้นวางสินค้าที่ดี จึงต้องสามารถปรับเปลี่ยนได้หลายรูปแบบ ตามความเหมาะสมของพื้นที่ร้านค้านั้น ๆ และควรมีดีเทลเล็ก ๆ เพิ่มเพิ่มพื้นที่มากขึ้นในการโชว์สินค้า และอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ด้วย เพราะในทุก ๆ พื้นที่ของชั้นวางสินค้านั้น มีการแข่งขันสูงระหว่างผลิตภัณฑ์ด้วยกันเอง
หากมีชั้นวางที่มีดีเทลหรือลูกเล่นต่าง ๆ ที่ช่วยจัดการกับพื้นที่ในการนำเสนอสินค้าได้อย่างมีชั้นเชิง มันก็จะทำให้ร้านค้าของคุณมีจุดที่น่าสนใจ และสินค้าก็น่าซื้อด้วยเช่นกัน
ตัวอย่างเช่น ชั้นวางสินค้าที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามรูปแบบของสินค้า
- ชั้นตะกร้า สำหรับวางขนม
- ชั้นวางปากกา ที่ใช้วางปากกาโดยเฉพาะ
- ชั้นแกนโรล ที่ออกแบบพิเศษ ให้สามารถโชว์สินค้าประเภทสายไฟได้
ตัวอย่างชั้นตะกร้า ชั้นวางปากกา และชั้นแกนโรล
1.3) อายุการเก็บรักษา
ทุกคนที่ลงทุนเปิดร้านส่วนใหญ่ ก็มีจุดมุ่งหมายเดียวกันในการเลือกชั้นวางก็คือ ชั้นวางสินค้านั้น จะต้องมีความแข็งแรง ใช้วัสดุที่มีคุณภาพ และมีอายุการใช้งานอย่างยาวนาน แบบที่ไม่ต้องเสียเงินซื้อหลาย ๆ รอบ เพื่อความคุ้มค่ากับการลงทุน
ฉะนั้นคุณควรจะต้องเลือกชั้นวางสินค้าที่มีการออกแบบสวยงาม, วัสดุมีคุณภาพ, เพิ่มประสิทธิภาพของพื้นที่ได้ และใช้งานได้อย่างยาวนาน
2. เพิ่มป้ายติดชั้นวางสินค้า (On-shelf communication solutions)
ภาพตัวอย่างการเพิ่มป้ายบนชั้นวาง
บริเวณนี้จะเป็นจุดที่ใช้สำหรับติดตั้งป้ายราคาและป้ายโฆษณาต่าง ๆ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่สำคัญมาก ๆ เพราะมันคือจุดที่ใช้สื่อสารกับลูกค้า ให้พวกเขาเดินผ่านแล้วรู้สึกอยากหยุดอ่านที่ป้าย
- ป้ายโฆษณาติดชั้นวาง (Shelf talker)
- ป้ายติดบนหัวชั้น (Head Board)
- โปสเตอร์ขายสินค้า
- ป้ายติดด้านข้างของชั้น
- แบนเนอร์
- ที่ใส่โบรชัวร์
- ที่ใส่คูปอง
- ป้ายเด้งติดที่ชั้น (Wobbler)
- หน้าจอสกรีนดิจิตัล (Digital screens)
“เพิ่มจุดขายของส่วนนี้
ด้วยการทำให้พวกเขารู้สึกสะดุดตา
จากนั้นก็เพิ่มเนื้อหาให้สะกดใจ”
ฉะนั้นจึงควรทำป้ายราคา หรือเพิ่ม Shelf talker เข้าไปให้น่าสนใจ มีความดึงดูดสายตาสูง อาจจะใส่ข้อความเล็ก ๆ เพื่อให้ลูกค้าอ่านแล้วได้ประโยชน์ หรือได้ทราบคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์นั้น ๆ
หรือคุณอาจจะเพิ่มลูกเล่น เช่น ไฟ LED เข้าไปให้เป็นจุดนำสายตาก็ได้นะ ถ้าคุณทำได้ดี มันมีโอกาสที่จะโกยลูกค้า ให้เข้าไปตกอยู่ในห้วงร้านค้าปลีกของคุณแน่นอน
3. มีสินค้าให้เลือกเยอะบนแผ่นชั้นวางสินค้า (Shelf tray)
ตัวอย่างชั้นวางที่มีสินค้าให้เลือกเยอะ
ในระหว่างที่ผู้คนกำลังประเมินสินค้าว่าจะ ซื้อดีมั้ย? หรือไม่ซื้อดี? พวกเขาจะถือสินค้านั้นไว้ในมือ และอ่านคุณสมบัติด้านหลังของบรรจุภัณฑ์ จากนั้นพวกเขาก็วางมันกลับไปไว้ที่เดิม เพราะอะไรล่ะ? เพราะเดี๋ยวนี้ นักช้อปทั้งหลายไม่ได้ซื้ออะไรง่าย ๆ อย่างที่คิด
ส่วนใหญ่คนสมัยนี้ เป็นนักช้อปมือฉมัง.. ต้องดูรีวิวจากอินเทอร์เน็ต ดู feed back ของผลิตภัณฑ์ชิ้นนั้น ๆ ก่อนที่จะเลือกซื้ออย่างถี่ถ้วน เพราะเหตุนี้ เมื่อพวกเขาต้องเลือกซื้อสินค้าชิ้นใดชิ้นหนึ่ง มันจะต้องมีความละเอียดรอบคอบ เป๊ะปัง และแม่นยำ
การมีสินค้าที่หลากหลาย ให้ลูกค้าได้เลือกสรร บนชั้นวางสินค้าที่รับน้ำหนักได้เยอะ จึงเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ในเรื่องนี้
“ยิ่งผลิตภัณฑ์บนชั้นวางสินค้ามีเยอะมากเท่าไหร่ นักช้อปก็จะยิ่งเพลิดเพลินกับการเลือกซื้อมากขึ้นเท่านั้น”
ดังนั้น… บริเวณแผ่นชั้นวางสินค้า จึงต้องมีการออกแบบมาให้รองรับสินค้าจำนวนมาก ๆ ได้อย่างมั่นคงและแข็งแรง มีความพรีเมี่ยม ไม่ใช้วัสดุที่พังง่าย และต้องจัดสรรพื้นที่ของสินค้าเป็นอย่างดี
4. อุปกรณ์แบ่งสินค้าบนชั้นวาง (Shelf divider system)
อุปกรณ์แบ่งสินค้าบนชั้นวาง มันถูกพัฒนาเพื่อลดเวลาที่ใช้ในการจัดเรียงสินค้าเพื่อเพิ่มยอดขายบนชั้นวาง ให้เป็นมีความเรียบร้อยและเรียงกันอย่างระเบียบ ช่วยนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ ให้โดดเด่นมากขึ้นไปอีก และยังสามารถปรับเปลี่ยนให้เข้ากับรูปแบบบรรจุภัณฑ์ของสินค้าได้อย่างหลากหลาย เป็นอุปกรณ์เสริมที่ติดตั้งได้ง่าย และยังช่วยให้ชั้นวางสินค้า มีดีเทลที่น่าสนใจมากขึ้น
ภาพตัวอย่าง Shelf divider system
5. อุปกรณ์ดันสินค้าให้เติมเองแบบอัตโนมัติ (Shelf pusher system)
หลาย ๆ คน คงเคยไปซื้อน้ำดื่มที่ร้านสะดวกซื้อใช่ไหมคะ ใน ตู้แช่ มีขวดน้ำหลากหลายยี่ห้อตั้งเรียงรายกันอยู่ เวลาเราหยิบขวดน้ำออกมา ขวดต่อไปก็จะเข้ามาเติมพื้นที่ว่างเองโดยอัตโนมัติ
การมีอุปกรณ์ดันสินค้าไว้ในตู้แช่ นอกจากจะเพิ่มความสะดวกให้ผู้บริโภคแล้ว มันยังสามารถเพิ่มความสบายให้กับคนจัดเรียงสินค้าอีกด้วย เพราะมันให้คุณไม่ต้องไปจัดเรียงสินค้าเองอยู่บ่อย ๆ ทั้งลดเวลาและเพิ่มความเป็นระเบียบให้ทั้งชั้นวางสินค้าในร้านค้าของคุณได้เป็นอย่างดี
ภาพอุปกรณ์ดันสินค้า : Pic by shelf-management-system
✔สรุป
การจัดเรียงสินค้าเพื่อเพิ่มยอดขาย ไม่ใช่เพียงแค่การจัดเรียงสินค้าบนชั้นวางสินค้าเท่านั้น แต่หาก ชั้นวางสินค้า ของคุณ เพิ่มดีเทลเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้เข้าไป องค์ประกอบทุกอย่างในร้านค้าปลีกก็จะมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
นอกจากที่มันก็ทำให้ร้านค้าดูดี ดูน่ามอง และมันยังสามารถทำให้ร้านดูเป็นระเบียบ เพิ่มความน่าซื้อหา เพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้า
ผลที่ตามมาคือ พวกเขามีความประทับใจ และกลับมาซื้อซ้ำในที่สุด ถ้าทำได้แบบนี้ไปเรื่อย ๆ ยังไงคำว่า “ยอดขายปัง ๆ” ก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอนค่ะ
ขอบคุณแหล่งข้อมูลเพิ่มเติมจาก : display
ชั้นวางสินค้า หรือ เชลฟ์ (Shelf) เป็นวัสดุที่ใช้งานมากที่สุดเพื่อขายสินค้าออกไป และยังเป็นจุดสปอร์ตไลท์เพื่อโชว์สินค้าให้โดดเด่น
ฉะนั้นบนชั้นวางสินค้า นอกจากจะต้องมีผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่จัดเรียงกันไว้อย่างเป็นระเบียบน่าซื้อแล้ว
“การติดป้ายโฆษณาบนชั้นวาง ก็มีส่วนทำให้สินค้าขายออกมากกว่าเดิมอีกนะคะ”
แล้วจะมีเหตุผลอะไรมากกว่านั้นอีก ที่ทำให้ป้ายติดเชลฟ์ หรือ Shelf talker สำคัญกับชั้นวางสินค้าขนาดนี้
ตามมาอ่านบทความนี้กันเลยค่ะ!!
เลือกเรื่องที่จะอ่านเลย ☟
1. ทำไมการชั้นวางสินค้าต้องติด Shelf talker?
ชั้นวางสินค้า เป็นสิ่งที่ใช้เพื่อนำเสนอสินค้าและสิ่งแปลกใหม่ให้กับลูกค้า นอกจากนี้มันก็ยังช่วยส่งเสริมการขาย ชี้แจงสิ่งที่คนขายอยากจะบอกกับลูกค้าได้อีกด้วย
จากการศึกษาของ PILOTES ทีมงานนักยุทธศาสตร์การออกแบบร้านค้าปลีก พบว่า
“Shelf talker หรือป้ายโฆษณาสินค้าบนชั้นวาง สามารถเพิ่มยอดขายได้ 2 ถึง 4 เท่า”
แม้ว่าผู้บริโภคจะดูรายการสินค้าต่าง ๆ บนแผ่นพับได้ แต่คุณจะกระตุ้นการซื้อของลูกค้ามากขึ้น
ถ้าคุณสามารถเด้งป๊อบอัพของแผ่นพับ ไปไว้ที่ป้ายโฆษณาค่ะ โดยทั่วไปชั้นวางสินค้าจะมีแถบด้านหน้า สำหรับใช้ติดป้ายราคา และป้ายโฆษณาต่าง ๆ
เพราะป้ายเหล่านี้ สามารถใช้เป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมการขาย หรือการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ได้นั่นเองค่ะ
ตัวอย่างป้ายติดเชลฟ์
2. Shelf Talker คืออะไร?
Shelf Talker คือ ป้ายติดเชลฟ์สำหรับโฆษณาสินค้าหรือโปรโมทสินค้า ซึ่งเป็นแผ่นป้ายขนาดพอดีที่ติดอยู่กับชั้นวางสินค้า มักจะใช้ในการโปรโมทผลิตภัณฑ์บนชั้นวาง ออกแบบมาเพื่อดึงดูดความสนใจลูกค้าไปยังสินค้าตัวใดตัวหนึ่ง ตลอดจนสามารถแนะนำผลิตภัณฑ์กับลูกค้าผ่านชั้นวางได้
ส่วนใหญ่พนักงานตามมินิมาร์ท หรือซูเปอร์มาร์เก็ต จะไม่ได้มาแนะนำสินค้าอะไรมากมาย เพราะพวกเขาจะยุ่งอยู่กับการขนของ เคลื่อนย้ายสินค้า และจัดสต็อกสินค้ามากกว่า ป้ายโฆษณาติดเชลฟ์หรือ Shelf Talker จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญในการแนะนำสินค้าบนชั้นวางนั่นเอง
บนชั้นวางมักจะติดป้ายโฆษณาใต้สินค้าหรือข้างๆสินค้าที่มีสีสันสดใส, ตัวอักษรเป็นตัวหนา, พร้อมกับข้อความสั้น ๆ ที่เป็นคำกระตุ้นการตัดสินใจ
ซึ่งเจ้า Shelf talker คือสิ่งที่ผู้ประกอบการมักใช้ในธุรกิจประเภทต่าง ๆ เช่น ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ ปั๊มน้ำมัน ร้านหนังสือ และร้านฮาร์ดแวร์
โดยปกติป้ายจะแขวนอยู่ที่ขอบชั้นวางสินค้า ทำให้มองเห็นได้ง่ายขึ้นสำหรับผู้ซื้อที่เดินผ่านไปมาค่ะ
3. ประโยชน์ของการติดป้ายโฆษณาบนชั้นวางสินค้า
การติดป้ายโฆษณาบนชั้นวางสินค้านั้น มีประโยชน์มากมายเลยค่ะ โดยเฉพาะสำหรับร้านค้าปลีกไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่
3.1) เพิ่มการมองเห็นที่ชัดเจนให้สินค้าบนชั้นวาง
เวลาที่ลูกค้าเดินผ่าน จะเกิดความสะดุดกับป้ายโฆษณาใต้สินค้านั้นจนต้องหยุดอ่าน ซึ่งมันก็เป็นการสร้างจุดเด่นให้สายตาของคนที่เดินผ่านมองมาที่ป้ายนั้นได้
3.2) ดึงดูดความสนใจของผู้คนให้มองสินค้านั้น ๆ มากขึ้น
เมื่อลูกค้ามองป้ายแล้ว ต่อมาก็จะมองไปที่สินค้า จะเกิดความสนใจในตัวสินค้านั้นมากกว่าเดิม จึงทำให้มีความรู้สึกว่าอยากอ่านข้อความบนป้ายว่ามันคืออะไร
3.3) ทำให้ชั้นวางสินค้าดูดีกว่าเดิม
การที่ชั้นวางสินค้ามีแค่สินค้า มันอาจจะดูโล่งเกินไป การมี Shelf talker คือสิ่งที่จะเข้ามาเติมเต็ม จึงมาช่วยให้ชั้นวางสมบูรณ์มากขึ้น ดูเป็นร้านค้าปลีกอย่างแท้จริง
3.4) กำหนดและรักษาพื้นที่ชั้นวางที่จัดสรรไว้
การติดป้ายโฆษณาบนเชลฟ์ มันจะช่วยกำหนดพื้นที่อาณาเขตของสินค้า ว่าตรงนี้เป็นสินค้าประเภทไหน หรือโซนถัดไปเป็นสินค้าอะไร ซึ่งมันจะแบ่งขอบเขตสินค้าบนชั้นวางได้ง่ายขึ้นอีกด้วยนะ
3.5) ช่วยผู้ซื้อในได้มีจุดให้อ่านบนชั้นวาง
เมื่อคนเราจะซื้อของบางอย่าง ก็อยากที่จะศึกษารายละเอียดต่าง ๆ มากกว่าเดิมอยู่แล้ว เพื่อพิจารณาว่า สินค้าตัวนี้ มีประโยชน์อะไรบ้าง มีรายละเอียดอะไรที่ทำใหพวกเขาอยากซื้อบ้าง หรือมีโปรโมชั่นที่น่าสนใจหรือเปล่า
จึงทำให้ลูกค้ามีจุดให้อ่าน และเรียนรู้สินค้าต่าง ๆ ช่วยในการตัดสินใจซื้อมากขึ้น
3.6) เป็นเครื่องมือทางการตลาด กระตุ้นให้เกิดการซื้อแฝง
ป้ายโฆษณามีประสิทธิภาพในการกระตุ้นยอดขายมาก ๆ ค่ะ เพราะถ้าลูกค้าได้อ่านข้อความโฆษณาบนป้ายแล้ว พวกเขาจะมีการคิดตาม และพิจารณาในตัวสินค้าจนเกิดการซื้อได้
3.7) สร้างการจดจำให้ร้านค้า
ถ้าคุณสร้างแบรนด์ให้ร้านค้า กำหนดธีมสีของร้านแล้ว คุณอาจนำมาใช้ในการผลิตป้ายโฆษณาด้วย
เมื่อนำไปติดบนชั้นวางสินค้าแล้ว มันจะสร้างการจดจำให้แก่ผู้คนที่เข้ามาซื้อ เมื่อเวลาผ่านไป ร้านค้าของคุณก็จะเป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้นยังไงล่ะคะ
3.8) รองรับเทรนด์การซื้อ
แนวโน้มเทรนด์ใหม่ ๆ ของการค้าปลีก อาจไม่สามารถคาดเดาได้ในบางครั้งค่ะ
แต่ลูกค้าเขาก็คาดหวังว่า เจ้าของร้านค้าปลีกทั้งหลายจะอัพเดทเทรนด์ และตอบสนองความต้องการของคนส่วนใหญ่ได้
ตัวอย่างเช่น ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา สาว ๆ ฮิตมากเรื่องการดูแลสุขภาพ ซึ่งมันก็ได้เปลี่ยนวิธีที่ลูกค้าเลือกซื้อสินค้าบนร้านสะดวกซื้อหรือห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ
ผู้ค้าปลีกทั้งหลายจึงมีโอกาสที่จะใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ โดยการสื่อสารข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับสินค้าต่อผู้ซื้อ
เช่น คุณค่าทางโภชนาการ ที่อ่านได้ที่ป้ายโฆษณาบนชั้นวางสินค้า เพื่อให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจเลือกสิ่งที่ดีต่อสุขภาพได้อย่างง่ายดายนั่นเอง
✔สรุป
ชั้นวางสินค้าที่ออกแบบมาอย่างดี จะปรับทิศทางการเดินซื้อของ และช่วยเหลือผู้บริโภคให้พวกเขาซื้อสินค้าได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องขอความช่วยเหลือจากพนักงาน
“ป้ายติดเชลฟ์หรือ Shelf Talker คือสิ่งสำคัญและมีส่วนอย่างมากที่จะช่วยส่งเสริมการขายสินค้าบนชั้นวาง”
ตามที่เราได้กล่าวถึงประโยชน์ต่าง ๆ ของ Shelf talker มันก็คงจะทำให้คุณทราบแล้วนะคะว่า มันมีความสำคัญแค่ไหน..
ฉะนั้นการที่คุณมีร้านค้าปลีก นอกจากจะมีสินค้าที่หลากหลายแล้ว การมี Shelf talker จะทำให้ลูกค้าซื้อสินค้ามากขึ้น และยังเพิ่มยอดขายให้คุณหลายเท่าแน่นอนค่ะ!
ขอบคุณแหล่งที่มาเพิ่มเติมจาก :
“ชั้นวางสินค้า เป็นสิ่งจำเป็นอันดับต้น ๆ ของร้านค้าปลีก”
ในการเลือกซื้อชั้นวางสินค้า ถ้าคุณเลือกชั้นวางที่ได้คุณภาพและเหมาะสมกับร้านค้าของคุณ ก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีในการเปิดร้านหรือขยายกิจการซึ่งการเลือกชั้นวางที่ดีนั้น มันจะส่งผลให้สินค้าของคุณดูดี อีกทั้งยังช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่น่าดึงดูดให้กับลูกค้าด้วยนะ แต่ก่อนที่จะเลือกซื้อชั้นวางสินค้าคุณต้องตอบคำถามบางอย่างให้ได้ก่อน เพื่อเข้าใจความต้องการของตัวเองอย่างแท้จริง จะได้ซื้อชั้นวางสินค้าที่ตรงโจทย์ของคุณมากที่สุดยังไงล่ะคะ
1. คุณมีพื้นที่ในร้านค้ามากแค่ไหน?
‘ก่อนจะซื้อชั้นวางสินค้า คุณต้องรู้ขนาดพื้นที่ของร้านค้าซะก่อน’
เพื่อที่ต่อมาคุณจะกำหนดได้ถูกต้องว่าควรนำชั้นวางแบบไหนเข้ามาติดตั้งในร้านสมมติถ้าคุณมีร้านขนาดเล็ก ชั้นวางสินค้าที่คุณจะซื้อควรจะสามารถแสดงสินค้าของคุณได้อย่างครบครัน แต่ในขณะเดียวกันชั้นวางนั้นก็ต้องไม่ทำให้พื้นที่ร้านของคุณเต็มจนเกิดความคับแคบด้วยค่ะ
มาดูวิธีทำง่าย ๆ กัน
- วัดพื้นที่ร้านของคุณซะก่อน (หากยังไม่ทราบ)
- ต่อมาคุณก็สำรวจ หาข้อมูลชั้นวางสินค้าว่ามีแบบไหนบ้าง ขนาดความสูง-กว้าง-ยาวเท่าไหร่ ถึงจะเหมาะสมกับร้านค้าของคุณ
- ถ้ายังไม่เจอชั้นวางที่เหมาะสมกับขนาดของร้านจริง ๆ คุณสามารถเลือกที่จะสั่งทำพิเศษและกำหนดขนาด การรับน้ำหนักได้ด้วยตัวเอง เพื่อตอบโจทย์การใช้งานของเรามากที่สุด
ตัวอย่างการติดตั้งชั้นวางให้เหมาะสมกับพื้นที่
อีกประเด็นหนึ่งที่คุณควรจะคำนึงด้วยก็คือ กลยุทธ์ต่าง ๆ ในการวางแผนผังร้านค้าหรือตำแหน่งการจัดวาง อาจส่งผลต่อการเลือกชั้นวางสินค้าเช่นกัน
“เพราะสินค้าบางประเภทที่ขายดีมักจะได้รับพื้นที่ในการจัดวางมากกว่าสินค้าประเภทอื่น”
ซึ่งหมวดหมู่สินค้าที่ขายดีมักได้จะได้พื้นที่ในการวางโชว์สินค้ามากที่สุด และถูกใช้เป็นเครื่องมือในการดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาภายในร้านเราจึงขอแนะนำคุณว่า ให้ความสำคัญกับการเลือกชั้นวางสินค้าในพื้นที่สำหรับสินค้าขายดีมากขึ้น เนื่องจากบริเวณนี้มักจะมีลูกค้าแวะมาชมสินค้าและช้อปปิ้งอยู่ตลอดเวลา
ภาพตัวอย่างการจัดพื้นที่สำหรับสินค้าขายดี
ตัวอย่างการใช้ กระบะโปรโมชั่น ในร้านค้า
2. ประเภทของสินค้าที่คุณขายเป็นแบบไหน?
สินค้าที่คุณขายเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่มีผลต่อการเลือกชั้นวางสินค้าที่คุณจะใช้ ควรพิจารณาเรื่องวัสดุของชั้นวางนั้น ๆ เป็นพิเศษ เพื่อให้สอดคล้องกับประเภทสินค้าของคุณหากคุณขายอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่เต็มไปด้วยสินค้าที่มีน้ำหนักมาก หรือสินค้าบางประเภทที่ไม่สามารถวางตั้งได้บนแผ่นชั้น สิ่งที่คุณจะต้องคำนึงคือ ชั้นวางสินค้าต้องมีความหนา รองรับน้ำหนักได้มาก วัสดุต้องมีคุณภาพ หรืออาจจะเป็นชั้นวางสินค้าที่เป็นแผ่นตาข่าย เอาไว้สำหรับแขวนสินค้าได้
แต่ถ้าคุณขายสินค้าแนวความงามหรือเครื่องสำอาง ชั้นวางสินค้าก็ไม่จำเป็นต้องรองรับน้ำหนักมากก็ได้ แต่ต้องมีความสวยงาม สีสันสดใส เหมาะกับผู้หญิง
ตัวอย่างชั้นวางเครื่องสำอาง
ดูภาพเพิ่มเติม : ตัวอย่างการติดตั้งชั้นวางสินค้า
3. น้ำหนักของสินค้าประมาณเท่าไหร่ ?
เรื่องนี้ค่อนข้างสำคัญมาก ถ้าคุณรู้ว่าน้ำหนักของสินค้ามีประมาณเท่าไหร่ การเลือกชั้นวางสินค้าก็จะต้อง หนามากขึ้น มีคุณภาพมากขึ้น รองรับน้ำหนักได้มากขึ้น
ตัวอย่างชั้นวางสินค้าที่รับน้ำหนักต่างกัน
ลองคิดภาพตามถ้าคุณเปิดร้านเกี่ยวกับอุปกรณ์เครื่องมือช่าง สินค้าจะมีน้ำหนักมากเป็นพิเศษ การเลือกชั้นวางสินค้าก็จะต้องเลือกรุ่นที่สามารถรองรับน้ำหนักมากหรือใช้แร็คแทนเพราะสามารถรองรับน้ำหนักได้สูงถึง หลักร้อยกิโลกรัม เพื่อที่จะได้รองรับน้ำหนักผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ได้อย่างไม่มีปัญหา หรือเกิดการพังทีหลัง
ตัวอย่างแร็คที่รองรับสินค้าที่มีน้ำหนักมาก
ดูภาพเพิ่มเติม : ชั้นวางวัสดุก่อสร้าง
4. ชั้นวางแบบไหนที่จะโชว์สินค้าของคุณได้ดีที่สุด?
ประเภทของชั้นวางสินค้าแบบไหนกันนะ.. ที่จะแสดงสินค้าของคุณได้ดีที่สุดถ้าอย่างนั้นมาดูตัวอย่างแนวทางทั่วไปสำหรับประเภทชั้นวางสินค้าที่จะนำไปใช้กับสินค้าในแต่ละประเภทกันดีกว่าค่ะ ว่ามันจะเป็นแบบไหนบ้าง
4.1) หนังสือพิมพ์ , นิตยสาร
สินค้าประเภทนี้ควรเป็นชั้นวางแบบตะแกรงสำหรับวางหนังสือพิมพ์และนิตยสารโดยเฉพาะ เพื่อที่จะสามารถวางได้อย่างพอดีกับไซส์ของสินค้านั้น ๆ
ตัวอย่าง : ชั้นวางหนังสือพิมพ์ และนิตยสาร
4.2) สินค้ามาใหม่ สินค้าแนะนำ
สินค้ามาใหม่ หรือสินค้าแนะนำเหมาะสำหรับการตั้งสินค้าเอาไว้ใกล้ ๆ หรือวางบน เคาน์เตอร์คิดเงิน เพื่อที่พนักงานจะได้สามารถแนะนำสินค้าได้ที่สำคัญเมื่อลูกค้าตั้งใจจะจ่ายเงินแล้วเกิดสนใจสินค้าที่วางไว้อยู่จะมีโอกาสใช้เวลาในการตัดสินใจสั้น ทำให้หลาย ๆ คน เลือกที่จะหยิบสินค้าที่อยู่บนเคาน์เตอร์เพิ่มด้วย ทั้งที่ไม่ได้มีความสนใจหรือตั้งใจที่จะซื้อมาก่อน
ดังนั้นเราควรเลือกชั้นวางสินค้าที่มีขนาดไม่เล็กจนเกินไปหรือใหญ่จนกินพื้นที่บนเคาน์เตอร์ หากมีหลายชั้นจะช่วยให้เราสามารถตั้งสินค้าได้มากขึ้นและที่สำคัญอาจช่วยเพิ่มยอดขายให้กับร้านค้าของคุณอีกด้วย
ตัวอย่าง ชั้นวางสินค้าบนเคาน์เตอร์
ตัวอย่าง : ชั้นวางสินค้าบนเคาน์เตอร์
ตัวอย่างร้านที่ใช้ชั้นวางสินค้าบนเคาน์เตอร์
4.3) อุปกรณ์เกี่ยวกับสายไฟ
การขายอุปกรณ์เกี่ยวกับสายไฟ ถ้าคุณนำชั้นวางสินค้าแบบปกติมาวาง มันก็อาจจะดูไม่สวยงาม และไม่ได้โชว์สินค้าได้ดีเท่าที่ควร ฉะนั้นจึงควรหาชั้นวางสำหรับโชว์สินค้าแบบสายไฟโดยเฉพาะ หรือที่เรียกว่าชั้นแกนโรลนั่นเองค่ะ
ตัวอย่างชั้นแกนโรล
ดูสินค้าเพิ่มเติม : ชั้นวางสายไฟ
5. ความต้องการชั้นวางสินค้าในอนาคต
เมื่อเลือกชั้นวางสินค้ากันได้เรียบร้อยแล้วควรคำนึงถึงอนาคตด้วย เพราะเทรนด์มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาตามยุคสมัย ควรจะมีการอัพเดทเทรนด์ใหม่ ๆ อยู่เสมอ เพื่อที่จะค้นหาสินค้าที่น่าสนใจมาขายเพิ่มเพื่อกระตุ้นยอดขายในร้านค้าของคุณโดยในอนาคตคุณอาจจะมีสินค้าที่แตกต่างกันนำเข้ามาวางขายก็ได้ ซึ่งมันก็ต้องใช้ชั้นวางที่แตกต่างกันให้เหมาะกับสินค้านั้น ๆ ด้วย
ดูภาพเพิ่มเติม : ตัวอย่างการติดตั้งชั้นวางสินค้า
ส่วนใหญ่แล้วเป้าหมายของการทำร้านค้าปลีก คือการขยายกิจการหรือสาขาต่อไปเรื่อย ๆ ดังนั้นการเลือกเพื่อนคู่ใจในเรื่องของชั้นวางสินค้าแล้วจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะคุณไม่ต้องเหนื่อยใจ หรือลองสุ่มเลือกร้านจำหน่ายชั้นวางสินค้าใหม่ทุกครั้งที่เปิดร้านใหม่คุณจึงต้องเลือกร้านที่จำหน่ายชั้นวางสินค้าที่มีหน้าร้าน มีสินค้าหลากหลาย มีบริการการติดตั้ง มีสินค้าพร้อมที่จะจัดส่งหรือติดตั้งฉะนั้นการที่คุณเลือกร้านชั้นวางสินค้าที่ตอบโจทย์ตั้งแต่แรกที่เป็นคู่คิด คู่ใจของธุรกิจคุณ จะขยายร้านอีกกี่ร้าน การเลือกชั้นวางสินค้าก็จะเป็นไปได้อย่างราบรื่นแน่นอน
ในการเปิดร้านค้าปลีกสักร้าน นอกจากคุณจะต้องมีความพร้อมเทคนิคทางธุรกิจต่าง ๆ แล้ว การเลือกสีของแบรนด์และธีมของร้านค้า เป็นเรื่องที่ควรใส่ใจมาก ๆ
มีวิจัยออกมาบอกว่า
“สีมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้ซื้อถึง 85%”
นอกจากสีจะมีผลต่อความรู้สึกของคนแล้ว มันอาจจะมีผลต่อดวงชะตา ที่จะส่งเสริมบารมีของร้านค้าได้
เรื่องของ สีร้านค้าถูกโฉลกตามวันเกิดเจ้าของร้าน จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจ ซึ่งมันสามารถนำมาผสมผสานกับเรื่องของการรับรู้แบรนด์ได้
สำหรับคนที่เชื่อเรื่องดวงหรือโชคชะตา BIGBEST จะพาคุณไป “เลือกสีของชั้นวางสินค้าตามวันเกิดของคุณ”
เพื่อจะได้เป็นแนวทางในการซื้อชั้นวางสำหรับจัดร้านค้าให้เหมาะกับคุณมากที่สุด และยังเพิ่มความเป็นศิริมงคลแก่ร้านค้าของคุณตั้งแต่เริ่มต้นเปิดร้านยังไงล่ะ 🙂
ทำไมต้องเลือกสีชั้นวางสินค้าให้เหมาะกับคุณ
การเลือกสีของร้านค้า สีของแบรนด์ และสีของชั้นวางสินค้า มีความสำคัญมาก..
เว็บไซต์ Canva บอกไว้ว่า
- สีมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้ซื้อถึง 85%
- ประมาณ 62-90% ของการประเมินว่าจะซื้อสินค้าดีหรือไม่ซื้อดี..ขึ้นอยู่กับสีเพียงอย่างเดียว
- การเลือกสีจะสามารถเพิ่มการรับรู้ถึงแบรนด์ถึง 80%
ซึ่งมันจะมีอิทธิพลต่อวิธีที่ผู้บริโภคมองมาในเรื่อง “ความเป็นเอกลักษณ์” ของแบรนด์หรือร้านค้านั้น ๆ
(ข้อมูลจาก How to use the power of color )
การเลือกสีที่ดีให้เหมาะกับทั้งร้านและเจ้าของร้าน จึงมีความสำคัญมาก ๆ สำหรับการเปิดร้านค้าปลีก
แล้วจะตกแต่งร้านให้เป็นสีที่ต้องการได้ยังไง? นอกจากการทาสีผนัง หรือติดวอลเปเปอร์แล้ว ก็จะมี ชั้นวางสินค้า ที่คุณสามารถเลือกสีที่ต้องการได้ค่ะ
ทำความรู้จักกับหลักทักษาปกรณ์กันก่อน
ก่อนอื่นเราต้องมาทำความเข้าใจกับ หลักทักษาปกรณ์ ที่จะเป็นหลักสำคัญในการยึดสีมงคลในแต่ละด้าน ศาสตร์นี้จะแบ่งออกตามนี้ค่ะ
- บริวาร = เสริมสร้างบริวาร
- อายุ = เสริมสร้างให้มีสุขภาพที่แข็งแรง
- เดช = เสริมสร้างให้ดูมีสง่าราศี
- ศรี = เสริมสร้างเสน่ห์เมตตาให้คนหลงใหล
- มูละ = เสริมด้านโชคลาภ ให้ทำมาค้าขึ้น
- อุตสาหะ = เสริมสร้างจิตให้เข้มแข็ง สร้างความสำเร็จ
- มนตรี = สร้างความเมตตา ได้รับการอุปถัมภ์ค้ำชู
- กาลกิณี = ขัดโชค ขัดลาภ
ซึ่งแต่ละวันเกิดจะมีสีเป็นมงคลตามหลักทักษาปกรณ์ที่แตกต่างกันออกไป แต่ในเรื่องของการเลือกชั้นวางสินค้าเพื่อนำมาเปิดร้าน BIGBEST จึงขอคัดเลือกมาเฉพาะด้าน
บริวาร, เดช, ศรี, อุตสาหะ และเราจะเน้นไปที่มูละ มากที่สุดนะคะ เพราะมูละจะเป็นการเสริมความมงคลในเรื่องของการทำมาค้าขาย ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับการเปิดร้านมากที่สุดค่ะ
1. คนเกิดวันอาทิตย์
สีมงคลที่แนะนำมากที่สุดคือ ✅
★ สีม่วงและสีดำ : เป็นมูละ เสริมสร้างด้านโชคลาภ ทำมาค้าคล่อง เหมาะกับร้านค้าที่อยากให้ผู้คนแวะเวียนมาซื้อเป็นประจำ สีม่วงและสีดำ เป็นสีที่มีความลึกลับ น่าค้นหา ด้วยความเป็นเฉดสีเข้ม จึงเหมาะกับร้านค้าที่ต้องการความหรูหรา
แต่ด้วยความเป็นมงคลของสีนี้ที่เหมาะกับคนเกิดวันอาทิตย์ การเลือกชั้นวางสินค้าสีนี้ จะยิ่งช่วยเสริมให้ร้านของคุณมีลูกค้าเข้ามามากมาย
สีม่วงกับสีดำจึงเป็นสีร้านค้าถูกโฉลกตามวันเกิดของคนเกิดวันอาทิตย์ ไม่ว่าคุณจะเปิดร้านค้าแบบไหน สินค้าของคุณจะซื้อง่ายขายคล่อง และประสบความสำเร็จได้มากขึ้นค่ะ
ตัวอย่างชั้นวางสินค้าสีม่วงและสีดำ เสริมความทำมาค้าคล่องให้คนเกิดวันอาทิตย์
ดูภาพเพิ่มเติม → ตัวอย่างชั้นวางสินค้าร้าน 360 เกษตร
สีมงคลที่ถูกโฉลกอื่น ๆ ของคนเกิดวันอาทิตย์ ✅
สีแดง : สีนี้เป็นสีที่เสริมสร้างบริวาร ยิ่งเป็นสีแดงด้วยแล้วล่ะก็ มันจะเป็นสีที่มีความโดดเด่นในเรื่องพลังและความมีชีวิตชีวา เป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่ง มั่นใจ และมีอำนาจ
หากร้านของคุณเป็นร้านที่ต้องใช้พนักงานเยอะ ๆ หรือต้องควบคุมคนงานและลูกน้องในการทำงานเพื่อให้ร้านประสบความสำเร็จ เช่น ร้านซุปเปอร์สโตร์ใหญ่ ๆ แนะนำให้ใช้สีนี้เลยค่ะ
สีชมพู : เป็นเดช เสริมสร้างให้เจ้าของร้านดูมีสง่าราศรี มีคนนับหน้าถือตา ระดับความเข้มของสีชมพูอาจส่งผลต่อความหมายของมัน ซึ่งมันไม่จำเป็นต้องเจาะจงแค่เพศหญิงอย่างเดียวก็ได้
อาจใช้เน้นเป้าหมายไปที่กลุ่มลูกค้า Gen Y มากกว่า เพราะนอกจากสีชมพูจะสื่อถึงความอ่อนหวานแล้ว ยังสื่อถึงความโรแมนติกและความสดใสตามวัยได้ด้วย
สีเขียว : เป็นศรี สร้างเสน่ห์เมตตา ให้คนหลงใหล สีเขียวเป็นสีที่สื่อถึงการเติบโต ความอุดมสมบูรณ์ และยังสื่อถึงการเงินที่มีความมั่งคั่งได้อีกด้วย
อีกอย่างสีเขียวมีความเป็นธรรมชาติ ยังเพิ่มความสบายตาให้กับร้านหากเลือกชั้นวางสินค้าสีนี้ค่ะ
สีส้ม : เป็นอุตสาหะ เสริมสร้างจิตให้เกิดความเข้มแข็ง สร้างความสำเร็จ เหมาะกับเจ้าของร้านที่อยากสร้างความมั่นคงในจิตใจให้มีไฟอันแรงกล้า ที่จะทำทุกอย่างให้ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว
ทั้งสีส้มยังมีพลังของความอ่อนเยาวน์ มีชีวิตชีวา ความสนุกสนาน ถ้าอยากให้ร้านของคุณมีความรู้สึกแบบนี้ แนะนำเลยค่ะ
สีกาลกิณี ❌
สีฟ้าและสีน้ำเงิน : เป็นกาลกิณีต่อดวงชะตาวันเกิด จึงไม่นิยมใช้ เพราะอาจทำให้ขัดโชค หรือขัดลาภได้
2. คนเกิดวันจันทร์
สีมงคลที่แนะนำมากที่สุดคือ ✅
★ สีส้ม : เป็นมูละ เสริมสร้างด้านโชคลาภ ทำมาค้าคล่อง สีส้มยังมีพลังของความอ่อนเยาวน์ มีชีวิตชีวา ความสนุกสนาน ถ้าอยากให้ร้านของคุณมีความรู้สึกแบบนี้ แนะนำเลยค่ะ เหมาะกับร้านค้าที่อยากให้ผู้คนแวะเวียนมาซื้อเป็นประจำ หรือร้านสะดวกซื้อทุกแบบเลยนะ
การเลือกชั้นวางสินค้าสีนี้ จะยิ่งช่วยเสริมให้ร้านค้าของคุณมีลูกค้าเข้ามามากมาย สินค้าของคุณจะซื้อง่ายขายคล่อง และประสบความสำเร็จได้มากขึ้นค่ะ
ตัวอย่างชั้นวางสินค้าสีส้ม เสริมโชคลาภทำมาค้าคล่องให้คนเกิดวันจันทร์
ดูภาพซ้ายเพิ่ม → ตัวอย่างชั้นวางสินค้าร้านยตรกิจ
สีมงคลที่ถูกโฉลกอื่น ๆ ของคนเกิดวันจันทร์ ✅
สีขาวและสีเหลือง : สีนี้เป็นสีที่เสริมสร้างบริวาร เหมาะกับร้านที่ต้องใช้พนักงานเยอะ ๆ หรือมีคนงานจำนวนมากในการทำงานเพื่อให้ร้านประสบความสำเร็จ
สีเหลืองเป็นสีที่เห็นชัดมาก จะเห็นได้ว่าใช้กับป้ายถนน, เสื้อชูชีพ, หมวกวิศวะกร หากจะเลือกชั้นวางสินค้าสีเหลือง คุณอาจจะนำไปใช้กับร้านเครื่องมือช่าง หรืออุปกรณ์ที่ต้องระมัดระวังในการใช้งานได้ค่ะ
ส่วนสีขาวนั้นก็มีโทนคล้ายกัน แต่จะสื่อถึงความเรียบง่าย มีคุณภาพ มีความสะอาดตา และทันสมัย อาจใช้กับร้านที่มีความซอฟท์ลงมาจากสีเหลือง หรือใช้ผสมผสานกันได้
สีเขียว : เป็นเดช เสริมสร้างให้เจ้าของร้านดูมีสง่าราศรี มีคนนับหน้าถือตา
สีเขียวเป็นสีที่สื่อถึงการเติบโต ความอุดมสมบูรณ์ และยังสื่อถึงการเงินที่มีความมั่งคั่งได้อีกด้วย อีกอย่างสีเขียวมีความเป็นธรรมชาติ ยังเพิ่มความสบายตาให้กับร้านหากเลือกชั้นวางสินค้าสีนี้ค่ะ
สีม่วงและสีดำ : เป็นศรี สร้างเสน่ห์เมตตา ให้คนหลงใหล สีม่วงและสีดำเป็นสีที่มีความลึกลับ น่าค้นหา ด้วยความเป็นเฉดสีเข้ม จึงเหมาะกับร้านค้าที่ต้องการความหรูหราค่ะ
สีเทา : เป็นอุตสาหะ เสริมสร้างจิตให้เกิดความเข้มแข็ง สร้างความสำเร็จ เหมาะกับเจ้าของร้านที่อยากสร้างความมั่นคงในจิตใจให้มีไฟอันแรงกล้า ที่จะทำทุกอย่างให้ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว
สีกาลกิณี ❌
สีแดง : เป็นกาลกิณีต่อดวงชะตาวันเกิด จึงไม่นิยมใช้ เพราะอาจทำให้ขัดโชค หรือขัดลาภได้
3. คนเกิดวันอังคาร
สีมงคลที่แนะนำมากที่สุดคือ ✅
★ สีเทา : เป็นมูละ เสริมสร้างด้านโชคลาภ ทำมาค้าคล่อง เหมาะกับร้านค้าที่อยากให้ผู้คนแวะเวียนมาซื้อเป็นประจำ
การเลือกชั้นวางสินค้าสีนี้จึงเป็นสีร้านค้าถูกโฉลกตามวันเกิดของคนเกิดวันอังคาร ซึ่งจะยิ่งช่วยเสริมให้ร้านค้าของคุณมีลูกค้าเข้ามามากมาย สินค้าของคุณจะซื้อง่ายขายคล่อง และประสบความสำเร็จได้มากขึ้นค่ะ
ตัวอย่างชั้นวางสินค้าสีเทา เสริมโชคลาภทำมาค้าคล่องให้คนเกิดวันอังคาร
ดูภาพซ้ายเพิ่ม → Facebook ชั้นวางร้านนิชพล , ดูภาพด้านขวาเพิ่ม → Facebook บิ๊กเบสมหาสารคาม
สีมงคลที่ถูกโฉลกอื่น ๆ ของคนเกิดวันอังคาร ✅
สีชมพู : สีนี้เป็นสีที่เสริมสร้างบริวาร เหมาะกับร้านที่ต้องใช้พนักงานเยอะ ๆ ในการทำงานเพื่อให้ร้านประสบความสำเร็จ
ถ้าอยากใช้สีชมพูส่งเสริมบริวาร ก็อาจจะเป็นร้านค้าที่พนักงานส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงหรือเด็กสาว เช่น ร้านเครื่องสำอาง, ร้านเสื้อผ้า และร้านขายของขวัญค่ะ
สีม่วงและสีดำ : เป็นเดช เสริมสร้างให้เจ้าของร้านดูมีสง่าราศรี มีคนนับหน้าถือตา ยิ่งเป็นสีม่วงและสีดำแล้วด้วย ยิ่งจะเพิ่มความน่าเกรงขามเข้าไปใหญ่ เพราะมันมีความลึกลับ น่าค้นหา และความหรูหราในตัว
สีส้ม : เป็นศรี สร้างเสน่ห์เมตตา ให้คนหลงใหล สีส้มยังมีพลังของความอ่อนเยาวน์ มีชีวิตชีวา ความสนุกสนาน ถ้าอยากให้ร้านของคุณมีความรู้สึกแบบนี้ ลองใช้สีส้มดูนะคะ
สีฟ้าและสีน้ำเงิน : เป็นอุตสาหะ เสริมสร้างจิตให้เกิดความเข้มแข็ง สร้างความสำเร็จ เหมาะกับเจ้าของร้านที่อยากสร้างความมั่นคงในจิตใจให้มีไฟอันแรงกล้า ที่จะทำทุกอย่างให้ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว
และสีฟ้าหรือสีน้ำเงิน ยังสื่อถึงความน่าเชื่อถือ ความนิ่ง และความเงียบสงบ หากใช้สีนี้ จะเพิ่มความรู้สึกเป็นทางการมากขึ้นค่ะ ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็อยู่ที่การเลือกโทนสีด้วยนะคะ
สีกาลกิณี ❌
สีขาวและสีเหลือง : เป็นกาลกิณีต่อดวงชะตาวันเกิด จึงไม่นิยมใช้ เพราะอาจทำให้ขัดโชค หรือขัดลาภได้
4. คนเกิดวันพุธ (กลางวัน)
สีมงคลที่แนะนำมากที่สุดคือ ✅
★ สีฟ้าและสีน้ำเงิน : เป็นมูละ เสริมสร้างด้านโชคลาภ ทำมาค้าคล่อง เหมาะกับร้านค้าที่อยากให้ผู้คนแวะเวียนมาซื้อเป็นประจำ
สีฟ้าหรือสีน้ำเงิน ยังสื่อถึงความน่าเชื่อถือ ความนิ่ง และความเงียบสงบ หากใช้สีนี้ จะเพิ่มความรู้สึกเป็นทางการมากขึ้นค่ะ ซึ่งคุณก็สามารถใช้สีนี้ได้กับทุก ๆ ร้านค้าปลีกเลยค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็อยู่ที่การเลือกโทนสีด้วยนะคะ
การเลือกชั้นวางสินค้าสีนี้ จะยิ่งช่วยเสริมให้ร้านค้าของคุณมีลูกค้าเข้ามามากมาย สินค้าของคุณจะซื้อง่ายขายคล่อง และประสบความสำเร็จได้มากขึ้นค่ะ
ตัวอย่างชั้นวางสีฟ้า เสริมโชคลาภทำมาค้าคล่องให้คนเกิดวันพุธ (กลางวัน)
ดูภาพเพิ่มเติม→ ตัวอย่างชั้นวางร้านมานะทรัพย์ทวี
สีมงคลที่ถูกโฉลกอื่น ๆ ของคนเกิดวันพุธ (กลางวัน) ✅
สีเขียว : สีนี้เป็นสีที่เสริมสร้างบริวาร เหมาะกับร้านที่ต้องใช้พนักงานเยอะ ๆ ในการทำงานเพื่อให้ร้านประสบความสำเร็จ
สีเขียวเป็นสีที่สื่อถึงการเติบโต ความอุดมสมบูรณ์ และยังสื่อถึงการเงินที่มีความมั่งคั่งได้อีกด้วย อีกอย่างสีเขียวมีความเป็นธรรมชาติ ยังเพิ่มความสบายตาให้กับร้านหากเลือกชั้นวางสินค้าสีนี้ค่ะ
สีส้ม : เป็นเดช เสริมสร้างให้เจ้าของร้านดูมีสง่าราศรี มีคนนับหน้าถือตา สีส้มยังมีพลังของความอ่อนเยาวน์ มีชีวิตชีวา จึงเหมาะกับเจ้าของร้านที่มีความเป็นวัยที่ยังมีความสนุกสนานแต่ก็มีความน่ายำเกรงภายในคนเดียวค่ะ
สีเทา : เป็นศรี สร้างเสน่ห์เมตตา ให้คนหลงใหล เหมาะกับร้านค้าที่เป็นของสวยๆงามๆ เช่น ร้านบิวตี้ช็อป, ร้านเสื้อผ้า
สีแดง : เป็นอุตสาหะ เสริมสร้างจิตให้เกิดความเข้มแข็ง สร้างความสำเร็จ เหมาะกับเจ้าของร้านที่อยากสร้างความมั่นคงในจิตใจให้มีไฟอันแรงกล้า
ยิ่งเป็นสีแดงด้วยแล้วล่ะก็ มันจะเป็นสีที่มีความโดดเด่นในเรื่องพลังและความมีชีวิตชีวา เป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่ง มั่นใจ และมีอำนาจ ซึ่งมันจะช่วยให้คุณทำทุกอย่างให้ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว
สีกาลกิณี ❌
สีชมพู : เป็นกาลกิณีต่อดวงชะตาวันเกิด จึงไม่นิยมใช้ เพราะอาจทำให้ขัดโชค หรือขัดลาภได้
5. คนเกิดวันพุธ (กลางคืน)
สีมงคลที่แนะนำมากที่สุดคือ ✅
★ สีชมพู : เป็นมูละ เสริมสร้างด้านโชคลาภ ทำมาค้าคล่อง หากใช้สีชมพูเป็นธีมของร้าน จึงน่าจะเหมาะกับร้านขายของชำ, ร้านสะดวกซื้อ, ร้านขายกิ๊ฟช็อป หรือเหมาะกับร้านค้าที่อยากให้ผู้คนแวะเวียนมาซื้อเป็นประจำ จะช่วยส่งเสริมให้ขายดีมาก ๆ เลยค่ะ
การเลือกชั้นวางสินค้าสีนี้ จะยิ่งช่วยเสริมให้ร้านค้าของคุณมีลูกค้าเข้ามามากมาย สินค้าของคุณจะซื้อง่ายขายคล่อง และประสบความสำเร็จได้มากขึ้นค่ะ
ตัวอย่างชั้นวางสินค้าสีชมพู เสริมโชคลาภทำมาค้าคล่องให้คนเกิดวันพุธ (กลางคืน)
ดูภาพเพิ่มเติม → ตัวอย่างการติดตั้งชั้นวางสินค้า
สีมงคลที่ถูกโฉลกอื่น ๆ ของคนเกิดวันพุธ (กลางคืน) ✅
สีเทา : สีนี้เป็นสีที่เสริมสร้างบริวาร หากร้านของคุณเป็นร้านที่ต้องใช้พนักงานเยอะ ๆ ในการทำงานเพื่อให้ร้านประสบความสำเร็จ เช่น ร้านซุปเปอร์สโตร์ใหญ่ๆ แนะนำสีนี้เลยค่ะ
สีแดง : เป็นเดช เสริมสร้างให้เจ้าของร้านดูมีสง่าราศรี มีคนนับหน้าถือตา ยิ่งเป็นสีแดงด้วยแล้วล่ะก็ มันจะเป็นสีที่มีความโดดเด่นในเรื่องพลังและความมีชีวิตชีวา เป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่ง มั่นใจ และมีอำนาจมากขึ้นค่ะ
สีขาวและสีเหลือง : เป็นศรี สร้างเสน่ห์เมตตา ให้คนหลงใหล และสีเหลืองยังสื่อถึงความร่าเริง ความเป็นมิตร ความสุข และยังเชื่อมโยงกับสติปัญญาและจิตใจด้วย จึงค่อนข้างเหมาะกับร้านหนังสือ, ร้านสะดวกซื้อ, ร้านกิ๊ฟช็อปที่มีความเป็นไอเดียเยอะ ๆ , หรือร้านของตกแต่งบ้านก็ได้เช่นกันนะ
ส่วนสีขาวนั้นก็มีโทนคล้ายกัน แต่จะสื่อถึงความเรียบง่าย มีคุณภาพ มีความสะอาดตา และทันสมัย อาจใช้กับร้านที่มีความซอฟท์ลงมาจากสีเหลือง หรือใช้ผสมผสานกันก็ได้ค่ะ
สีเขียว : เป็นอุตสาหะ เสริมสร้างจิตให้เกิดความเข้มแข็ง สร้างความสำเร็จ เหมาะกับเจ้าของร้านที่อยากสร้างความมั่นคงในจิตใจให้มีไฟอันแรงกล้า ที่จะทำทุกอย่างให้ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว
สีเขียวเป็นสีที่สื่อถึงการเติบโต ความอุดมสมบูรณ์ และยังสื่อถึงการเงินที่มีความมั่งคั่งได้อีกด้วย
อีกอย่างสีเขียวมีความเป็นธรรมชาติ ยังเพิ่มความสบายตาให้กับร้านหากเลือกชั้นวางสินค้าสีนี้ค่ะ จึงค่อนข้างเหมาะกับร้านขายอุปกรณ์การเกษตรนะคะ
สีกาลกิณี ❌
สีส้ม : เป็นกาลกิณีต่อดวงชะตาวันเกิด จึงไม่นิยมใช้ เพราะอาจทำให้ขัดโชค หรือขัดลาภได้
6. คนเกิดวันพฤหัสบดี
สีมงคลที่แนะนำมากที่สุดคือ ✅
★ สีขาวและสีเหลือง : เป็นมูละ เสริมสร้างด้านโชคลาภ ทำมาค้าคล่อง เหมาะกับร้านค้าที่อยากให้ผู้คนแวะเวียนมาซื้อเป็นประจำ
และสีเหลืองยังสื่อถึงความร่าเริง ความเป็นมิตร ความสุข และยังเชื่อมโยงกับสติปัญญาและจิตใจด้วย จึงค่อนข้างเหมาะกับร้านหนังสือ, ร้านที่ต้องใช้ไอเดียอย่างร้านของตกแต่งบ้านค่ะ
ส่วนสีขาวนั้นก็มีโทนคล้ายกัน แต่จะสื่อถึงความเรียบง่าย มีคุณภาพ มีความสะอาดตา และทันสมัย อาจใช้กับร้านที่มีความซอฟท์ลงมาจากสีเหลือง หรือใช้ผสมผสานกันได้ เพื่อเพิ่มความสมบูรณ์แบบขึ้นไปอีก
การเลือกชั้นวางสินค้าทั้งสองสีนี้ จะยิ่งช่วยเสริมให้ร้านค้าของคุณมีลูกค้าเข้ามามากมาย สินค้าของคุณจะซื้อง่ายขายคล่อง และประสบความสำเร็จได้มากขึ้นค่ะ
ตัวอย่างชั้นวางสินค้าสีขาวและสีเหลือง เสริมโชคลาภทำมาค้าขึ้นให้คนเกิดวันพฤหัสบดี
ดูภาพเพิ่มเติม → Facebook ชั้นวางสินค้าสั่งทำ
สีร้านค้าถูกโฉลกอื่น ๆ ของคนเกิดวันพฤหัส ✅
สีส้ม : สีนี้เป็นสีที่เสริมสร้างบริวาร เหมาะกับร้านที่ต้องใช้พนักงานเยอะ ๆ ในการทำงานเพื่อให้ร้านประสบความสำเร็จ ยิ่งถ้าเป็นพนักงานวัยรุ่นที่มีความกระปรี้กระเปร่าเป็นพิเศษจะเหมาะมาก ๆ
เพราะสีส้มยังมีพลังของความอ่อนเยาวน์ มีชีวิตชีวา ความสนุกสนาน ถ้าอยากให้ร้านของคุณมีความรู้สึกแบบนี้ แนะนำเลยค่ะ
สีฟ้าและสีน้ำเงิน : เป็นเดช เสริมสร้างให้เจ้าของร้านดูมีสง่าราศรี มีคนนับหน้าถือตา และสีฟ้าหรือสีน้ำเงิน ยังสื่อถึงความน่าเชื่อถือ ความนิ่ง และความเงียบสงบ หากใช้สีนี้ จะเพิ่มความรู้สึกเป็นทางการมากขึ้น ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อยู่ที่การเลือกโทนสีด้วยนะคะ
สีแดง : เป็นศรี สร้างเสน่ห์เมตตา ให้คนหลงใหล ยิ่งถ้าคุณใช้สีแดงนี้ มันจะเป็นสีที่มีความโดดเด่นในเรื่องพลัง เรื่องเพศ ความรัก ความมีชีวิตชีวา และความปรารถนา เหมาะกับร้านค้าที่เป็นของสวยๆ งามๆ เพิ่มความเย้ายวน เช่น ร้านบิวตี้ช็อป, ร้านเสื้อผ้า
สีชมพู : เป็นอุตสาหะ เสริมสร้างจิตให้เกิดความเข้มแข็ง สร้างความสำเร็จ เหมาะกับเจ้าของร้านที่อยากสร้างความมั่นคงในจิตใจให้มีไฟอันแรงกล้า ที่จะทำทุกอย่างให้ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว และถ้าใช้สีชมพู มันจะเพิ่มความละมุนอ่อนเยาวน์ควบคู่ไปกับความมุ่งมั่นค่ะ
สีกาลกิณี ❌
สีม่วงและสีดำ : เป็นกาลกิณีต่อดวงชะตาวันเกิด จึงไม่นิยมใช้ เพราะอาจทำให้ขัดโชค หรือขัดลาภได้
7. คนเกิดวันศุกร์
สีมงคลที่แนะนำมากที่สุดคือ ✅
★ สีเขียว : เป็นมูละ เสริมสร้างด้านโชคลาภ ทำมาค้าคล่อง เหมาะกับร้านค้าที่อยากให้ผู้คนแวะเวียนมาซื้อเป็นประจำ สีเขียวเป็นสีที่สื่อถึงการเติบโต ความอุดมสมบูรณ์ มีความเป็นธรรมชาติ เพิ่มความสบายตาให้กับร้านค้า
ถ้าคุณเกิดวันศุกร์แล้วกำลังจะเปิดร้านเกี่ยวกับอุปกรณ์การเกษตรจะเหมาะกับชั้นวางสินค้าสีนี้มาก
แต่ร้านค้าแบบอื่น เช่นร้านขายของชำ ร้านขายอาหารสัตว์ และอื่น ๆ ก็เหมาะสมมากเช่นกันค่ะ เพราะมันยังสื่อถึงการเงินที่มีความมั่งคั่งได้อีกด้วย
การเลือกชั้นวางสินค้าสีนี้เป็นสีร้านค้าถูกโฉลกตามวันเกิด จะยิ่งช่วยเสริมให้ร้านค้าของคุณมีลูกค้าเข้ามามากมาย สินค้าของคุณจะซื้อง่ายขายคล่อง และประสบความสำเร็จได้มากขึ้นค่ะ
ตัวอย่างชั้นวางสินค้าสีเขียว เสริมโชคลาภสำหรับคนเกิดวันศุกร์
ดูภาพเพิ่มเติม → Facebook บิ๊กเบสสกลนคร
สีมงคลที่ถูกโฉลกอื่น ๆ ของคนเกิดวันศุกร์ ✅
สีฟ้าและสีน้ำเงิน : สีนี้เป็นสีที่เสริมสร้างบริวาร เหมาะกับร้านที่ต้องใช้พนักงานเยอะ ๆ ในการทำงานเพื่อให้ร้านประสบความสำเร็จ
สีฟ้าหรือสีน้ำเงิน ยังสื่อถึงความน่าเชื่อถือ ความนิ่ง และความเงียบสงบ หากใช้สีนี้ จะเพิ่มความรู้สึกเป็นทางการมากขึ้นค่ะ
หากเป็นร้านที่มีคนงานเยอะ ๆ และคุณใช้ชั้นวางสินค้าที่เป็นธีมร้านสีนี้ น่าจะช่วยให้พนักงาน มีความใจเย็นมากขึ้นนะคะ
สีขาวและสีเหลือง : เป็นเดช เสริมสร้างให้เจ้าของร้านดูมีสง่าราศรี มีคนนับหน้าถือตา และสีเหลืองยังเป็นสีของความร่าเริงและเป็นมิตร จึงเหมาะกับเจ้าของร้านที่อยากให้ร้านมีความรู้สึกเป็นกันเอง แต่ยังมีความน่าเกรงขามนั่นเองค่ะ
สีชมพู : เป็นศรี สร้างเสน่ห์เมตตา ให้คนหลงใหล และยิ่งเป็นสีชมพูจะเหมาะมากกับร้านที่มีความเป็นผู้หญิง เด็กสาววัยรุ่น จึงควรใช้ชั้นวางสีนี้กับร้านค้าที่เป็นของสวยๆงามๆ เช่น ร้านบิวตี้ช็อป, ร้านเสื้อผ้า, ร้านตุ๊กตา, และร้านกิ๊ฟช็อปค่ะ
สีม่วงและสีดำ : เป็นอุตสาหะ เสริมสร้างจิตให้เกิดความเข้มแข็ง สร้างความสำเร็จ เหมาะกับเจ้าของร้านที่อยากสร้างความมั่นคงในจิตใจให้มีไฟอันแรงกล้า ที่จะทำทุกอย่างให้ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว
และสีม่วงกับสีดำ เป็นสีที่มีความลึกลับ น่าค้นหา ด้วยความเป็นเฉดสีเข้ม จึงเหมาะกับร้านค้าที่ต้องการความหรูหราค่ะ
สีกาลกิณี ❌
สีเทา : เป็นกาลกิณีต่อดวงชะตาวันเกิด จึงไม่นิยมใช้ เพราะอาจทำให้ขัดโชค หรือขัดลาภได้
8. คนเกิดวันเสาร์
สีมงคลที่แนะนำมากที่สุดคือ ✅
★ สีแดง : เป็นมูละ เสริมสร้างด้านโชคลาภ ทำมาค้าคล่อง ยิ่งเป็นสีแดงด้วยแล้วล่ะก็ มันเป็นสีที่มีความโดดเด่นในเรื่องพลังและความมีชีวิตชีวา เป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่ง มั่นใจ ซึ่งจะส่งเสริมในเรื่องของความมีอำนาจ เหมาะกับร้านค้าที่อยากให้ผู้คนแวะเวียนมาซื้อเป็นประจำ
การเลือกชั้นวางสินค้าสีนี้ จะยิ่งช่วยเสริมให้ร้านค้าของคุณมีลูกค้าเข้ามามากมาย สินค้าของคุณจะซื้อง่ายขายคล่อง และประสบความสำเร็จได้มากขึ้นค่ะ
ตัวอย่างชั้นวางสินค้าสีแดง เสริมโชคลาภทำมาค้าคล่องให้คนเกิดวันเสาร์
ดูภาพซ้ายเพิ่ม → แบบร้านขายของชำ
สีมงคลที่ถูกโฉลกอื่น ๆ ของคนเกิดวันเสาร์ ✅
สีม่วงและสีดำ : สีนี้เป็นสีที่เสริมสร้างบริวาร เหมาะกับร้านที่ต้องใช้พนักงานเยอะ ๆ ในการทำงานเพื่อให้ร้านประสบความสำเร็จ และสีม่วงกับสีดำ เป็นสีที่มีความลึกลับ น่าค้นหา ด้วยความเป็นเฉดสีเข้ม จึงเหมาะกับร้านค้าที่ต้องการความหรูหราค่ะ
สีเทา : เป็นเดช เสริมสร้างให้เจ้าของร้านดูมีสง่าราศรี มีคนนับหน้าถือตา
สีฟ้าและสีน้ำเงิน : เป็นศรี สร้างเสน่ห์เมตตาให้คนหลงใหล สีฟ้าหรือสีน้ำเงิน ยังสื่อถึงความน่าเชื่อถือ ความนิ่ง และความเงียบสงบได้อีกด้วย
สีขาวและสีเหลือง : เป็นอุตสาหะ เสริมสร้างจิตให้เกิดความเข้มแข็ง สร้างความสำเร็จ เหมาะกับเจ้าของร้านที่อยากสร้างความมั่นคงในจิตใจให้มีไฟอันแรงกล้า ที่จะทำทุกอย่างให้ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว
สีเหลืองยังช่วยปลุกพลังแห่งความร่าเริงและความสุข เพื่อให้คุณทำงานได้อย่างไม่เครียดจนเกินไปได้
ส่วนสีขาวนั้นก็มีโทนคล้ายกัน แต่จะสื่อถึงความเรียบง่าย มีคุณภาพ มีความสะอาดตา และทันสมัย อาจใช้กับร้านที่มีความซอฟท์ลงมาจากสีเหลือง หรือใช้ผสมผสานกันได้ เพื่อเพิ่มความสมบูรณ์แบบขึ้นไปอีกขั้น
สีกาลกิณี ❌
สีเขียว : เป็นกาลกิณีต่อดวงชะตาวันเกิด จึงไม่นิยมใช้ เพราะอาจทำให้ขัดโชค หรือขัดลาภได้
อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม :
✎ สรุป
คุณสามารถดูตารางสรุปสีมงคลที่เหมาะกับวันเกิดของคุณได้ที่ด้านล่างนี้ค่ะ
มาถึงตอนนี้ก็ทราบแล้วใช่ไหมคะว่า สีร้านค้าถูกโฉลกตามวันเกิดของคุณมีสีไหนบ้าง และคุณคงมีไอเดียแล้วว่า ชั้นวางสินค้า สีไหนเหมาะกับคุณมากที่สุด
จริง ๆ สีแต่ละสีมีหลายเฉดมาก ๆ คุณสามารถเลือกเฉดสีได้แบบไม่จำกัดบนพื้นฐานของสีเดิม เพื่อเพิ่มความหลากหลายและสวยงามเหมาะสมกับร้านค้าของคุณ
สำหรับใครที่เป็นสายมู อยากได้ความรู้ในการปรับ ฮวงจุ้ยร้านค้า ☚ สามารถคลิกอ่านได้เลย หรือถ้าอยากอ่านบทความเกี่ยวกับร้านค้าปลีกเพิ่มเติม สามารถอ่านได้ที่ › แหล่งความรู้ร้านค้าปลีก
โดย BIGBEST เองก็รับทำชั้นวางสินค้าหลายแบบด้วยกัน หากสนใจสามารถเลือกชมสินค้าของเราและสอบถามเพิ่มเติมได้ค่ะ 🙂